Page 45 - วารสารจิตอาสา ฉบับที่ ๑ เดือน ตุลาคม ๒๕๖๕
P. 45
“อาสาสมัคร” เป็นงานที่เกิดจากผู้ที่มีจิตอาสา ซึ่งมีความหมายอย่างมากกับสังคมส่วนรวม เป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ
เสียสละ เวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น หรือสังคมให้เกิดประโยชน์และความสุขมากขึ้น
การเป็น “อาสาสมัคร” ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็แล้วแต่ที่ท�าให้เกิดประโยชน์ในทางบวก ล้วนแต่เป็น
สิ่งที่เราควรท�าทั้งสิ้น คนที่จะเป็นอาสาสมัครได้นั้น ไม่ได้จ�ากัดที่วัย การศึกษา เพศ อาชีพ ฐานะ หรือ ข้อจ�ากัด
ใด ๆ ทั้งสิ้น หากแต่ต้องมีจิตใจเป็น “จิตอาสา” ที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่นหรือสังคม เท่านั้น
กิจกรรมอาสาสมัคร เป็นกระบวนการของการฝึก “การให้” ที่ดีเพื่อขัดเกลาละวางตัวตน และบ่มเพาะ
ความรัก ความเมตตาผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนไข ทั้งนี้ กระบวนการของกิจกรรมซึ่งเป็นการยอมสละตน เพื่อรับใช้และ
ช่วยเหลือแก้ไขวิกฤติปัญหาของสังคม อาสาสมัครจะได้เรียนรู้ละเอียดอ่อนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวมากขึ้น
สัมผัสความจริง เชื่อมโยงเหตุและปัจจัยความสุขและความทุกข์ เจริญสติในการปฏิบัติงานที่ศาสนาพุทธเรียกว่า
พรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เพื่อให้เกิด “การให้” ที่ดี กิจกรรมอาสาสมัคร จึงเป็น
กระบวนการที่ช่วยให้บุคคลได้ขัดเกลาตนเอง เรียนรู้ภายใน และเกิดปัญญาได้
ที่ผ่านมาคนไทยอาจเคยชินกับการท�าความดีด้วยการใช้เงินลงทุนในการท�าบุญ ไม่ค่อยอยากออกแรง
ช่วยเหลือ เพราะถือว่า การท�าบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือผู้มีบุญบารมีจะท�าให้คน ๆ นั้นได้บุญมากขึ้น คนไทย
จึงมักท�าบุญกับพระ บริจาคเงินสร้างโบสถ์ แต่ละเลยการ “ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์” ไม่ง่ายนักที่จะท�าดีให้ได้ดี
กับผู้รับจริง ๆ
“ประชาสังคม” หมายถึง สภาพสังคมที่มีองค์ประกอบอันหลากหลาย มีฐานมาจากประชาชนทั่วไป
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม องค์กร ชมรม สมาคม มูลนิธิ มาสร้างเป็นเครือข่าย เพื่อท�ากิจกรรมต่าง ๆ ผลักดันให้สังคม
เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ความส�านึกในเรื่อง “ประชาสังคม” มีมานานแล้วในสังคมตะวันตก คือ ความรู้สึกว่าเราไม่สามารถ
จะมีความสุขได้ถ้าเราปล่อยปละละเลยสังคม ความรู้สึกว่าเราต้องรับผิดชอบต่อสังคม ตรงนี้เป็นคุณธรรมของ
ประชาสังคม และเป็นวัฒนธรรมของสังคมอเมริกัน คนจ�านวนมากไม่ศรัทธาในศาสนา แต่ถือเป็นหน้าที่ที่ต้อง
เสียสละเพื่อส่วนรวม อย่างน้อยต้องอุทิศเงินเพื่อกิจการสาธารณะ เขามีส�านึกเรื่อง “จิตสาธารณะ” และฝรั่ง
เขาถือว่าถ้ารวย ต้องช่วยสาธารณะ หรือถ้าว่างเสาร์อาทิตย์ก็ไปเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล พิพิธภัณฑ์
เรื่องสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ในญี่ปุ่น มีคนประเภทนี้เยอะเราไปเที่ยวก็ขอไกด์ฟรีได้ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นแม่บ้าน
มาเป็นอาสาสมัคร ทั้งวันบางทีเขายังจ่ายค่าอาหารให้ด้วยเขามีความสุขเพราะรู้สึกว่าเป็นเมืองของเขา เขาอยาก
ช่วยเหลือสังคม ซึ่งตรงข้ามกับเมืองไทยที่รู้สึกว่าสังคมไม่ใช่ของเรา ความรู้สึกว่าป่าต้นน�้า ภูเขา หรือโทรศัพท์
สาธารณะเป็นของเรามีน้อยมาก คนไทยจะเน้นเรื่องรัฐมากกว่าสังคมท�าให้รู้สึกว่าทรัพย์สินส่วนรวมเป็นของรัฐ
ไม่ใช่ของส่วนรวม เขาถึงบอกว่ารัฐบาล “คอร์รัปชัน” ก็ไม่เป็นไร ขอให้เอาเงินมาลงในหมู่บ้านก็แล้วกัน
เหมือนดังนโยบายประชานิยมของรัฐบาลก่อน ๆ ที่สร้างนิสัยการใช้เงินในสิ่งที่ไม่จ�าเป็นให้กับประชาชน
จากเงินที่หว่านลงไปทุกหมู่บ้าน เพราะเขาคิดว่างบประมาณแผ่นดินไม่ใช่ของเราเป็นของรัฐบาล จึงเห็นได้ว่า
ความคิดเรื่องประชาสังคมในเมืองไทยยังไม่มี
การท�ากิจกรรมกับชมรมฯ ไม่ว่าด้วยแรงจูงใจใด ๆ ในช่วงเริ่มต้น หากต่อมาขาดซึ่งความรัก
ในสิ่งที่ท�าด้วย “จิตอาสา” ในเวลาต่อมาแล้วไซร้ ผลงานที่ออกมาก็เป็นเพียงสิ่งที่เราท�าสนุก ๆ เพื่อฆ่าเวลา
ที่ไม่รู้ว่าจะท�าอะไรเท่านั้น ไม่มีคุณค่าอันใด เพื่อสร้างจิตวิญญาณและพัฒนาจิตส�านึก เพื่อสังคมในตัวเรา
สิ่งที่เราได้จากการท�ากิจกรรมนั้นมีมากมายเหลือคณานับ อยู่ที่คน ๆ นั้นที่จะไขว้คว้าเอง เพื่อให้ได้มาตาม
ที่ใจปรารถนาเท่านั้น
วารสาร จิต อาสา 41 ฉบับที่ 1 เดือน ตุลาคม ๒๕๖5