Page 234 - เอกสารคำสอนทวารวดี - ศรีวิชัย
P. 234

อาจารย์ ดร.ผุสดี รอดเจริญ ได้ศึกษาวิเคราะห์องค์ประกอบภายในของลูกปัดแก้วสมัย
                       ทวารวดีที่พบตามเมืองต่างๆ จ านวน 186 ลูก โดยใช้เครื่องมือ Electron Probe Micro-Analyzer
                       (EPMA) พบว่าลูกปัดแก้วส่วนใหญ่ในสมัยทวารวดีน่าจะมีที่มาจากแหล่งผลิตที่ใช้เทคนิคและ

                       ส่วนประกอบของแก้วตามแบบอินเดียหรือศรีลังกา คือเป็นกลุ่มแก้วอลูมิน่า (m-Na-Al glass)

                       (ลูกปัดแก้วช่วงยุคเหล็กส่วนใหญ่เป็นลูกปัดแก้วโปแตสเซียมหรือกลุ่ม K glass)
                              ทั้งนี้ตัวอย่างลูกปัดแก้ว 5 ลูก จากเมืองอู่ทอง, เมืองนครปฐม, เมืองดงละคร (จังหวัด
                       นครนายก), เมืองลพบุรี และเมืองศรีเทพ (จังหวัดเพชรบูรณ์) คงมาจากแหล่งผลิตในประเทศจีน

                       เพราะเป็นแก้วที่มีตะกั่วเป็นธาตุองค์ประกอบหลัก (กลุ่ม Pb or lead glass) และมีลูกปัด 12 ลูก

                       จากเมืองอู่ทอง, เมืองคูบัว, บ้านคูเมืองอินทร์บุรี (จังหวัดสิงห์บุรี), เมืองดงละคร, เมืองขีดขิน
                       (จังหวัดสระบุรี), เมืองลพบุรี และบ้านพรหมทินใต้ (จังหวัดลพบุรี) เป็นกลุ่มแก้วที่มีส่วนผสม
                       ของขี้เถ้าพืช (v-Na-Ca glass) ซึ่งมีแหล่งผลิตอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
                                                                                        100
                              ตัวอย่างที่เด่นชัดของลูกปัดแก้วจากตะวันออกกลางคือ ลูกปัดเคลือบใสสีทอง (false-

                       gold glass bead) ซึ่งผิวลูกปัดมีความเปราะบางมากเป็นพิเศษ (ภาพที่ 219) โดยได้คันพบตาม
                       แหล่งโบราณคดีในภาคใต้และมาเลเซียด้วย
                                                            101






















                             ภาพที่ 219 ลูกปัดแก้วเคลือบสีทอง พบจากการขุดค้นที่แหล่งโบราณคดีหอเอก เมืองนครปฐม

                              ส าหรับแหล่งผลิตลูกปัดแก้วสมัยทวารวดีนั้นขณะนี้มีการค้นพบแล้วภายในเมืองอู่ทอง

                       โดยในปี 2553 นายสันติ์ ไทยานนท์ ได้ท าการขุดค้นที่บ้านเนินพลับพลาเป็นหลุมขุดค้นขนาด
                       3x3 เมตร พบว่ามีการเริ่มเข้ามาใช้พื้นที่แห่งนี้ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15 เป็นพื้นที่ผลิต

                       ลูกปัดแก้ว เพราะพบลูกปัดแก้วมากถึง 530 ลูก พร้อมด้วยเศษลูกปัดที่เสียหายจากการผลิต
                       จ านวนหนึ่ง (ภาพที่ 220) ลูกปัดเกือบทั้งหมดเป็นลูกปัดแก้วสีเดียวและมี 1 ลูกที่เป็นลูกปัดแถบ

                       หลายสี (ภาพที่ 221) แต่มีร่องรอยการอยู่อาศัยไม่หนาแน่นนัก และคงทิ้งร้างไปในช่วงปลาย
                       สมัยทวารวดี
                                  102





                                                               228
   229   230   231   232   233   234   235   236   237   238   239