Page 241 - เอกสารคำสอนทวารวดี - ศรีวิชัย
P. 241
111
จากต่างถิ่น จึงท าให้เห็นเครือข่ายการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างเมืองโบราณร่วมสมัยในช่วงเวลา
112
แรกเริ่มประวัติศาสตร์ผ่านการปรากฏหม้อกุณฑีเป็นจ านวนมากภายในภูมิภาคนี้ อย่างไร
ก็ตาม กุณฑีหลายใบ (ชิ้น) ที่พบในสมัยทวารวดีก็มีเนื้อหยาบและไม่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม
จึงน่าจะผลิตขึ้นในชุมชนเองมากกว่า
ภาชนะอีกประเภทหนึ่งในวัฒนธรรมทวารวดีที่ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอินเดีย
คือ หม้อพรมน ้า หรือ “กุณฑิกะ” ซึ่งเป็นหม้อก้นกลมหรือรูปไข่ มีเชิงแบบมีคอสูง ปากแคบคล้าย
ปากขวด มีพวยอยู่บริเวณบ่าในแนวดิ่ง โดยที่ปากพวยตั้งขนานกับคอสูงนั้น เนื้อภาชนะมี
113
คุณภาพดี และมักมีการตกแต่งผิวด้วยการเคลือบน ้าดินขัดมันเป็นสีแดง
ชาวอินเดียใช้หม้อพรมน ้าในกิจพิธี เช่น ใช้ในพิธีหลั่งน ้าโสมเพื่อบวงสรวงเทพเจ้า หรือ
ใช้หลั่งน ้าลงดินหรือหลุมเสาเอกก่อนการสร้างอาคารเพื่อเป็นสิริมงคล ทั้งยังเป็นหม้อน ้าติดตัว
นักบวชของศาสนาพราหมณ์และพุทธศาสนา และปรากฏเป็นวัตถุอย่างหนึ่งที่พระโพธิสัตว์ใน
114
115
พุทธศาสนานิกายมหายานทรงถือในพระหัตถ์เพราะเป็นสัญลักษณ์ของนักบวชนั่นเอง
ดร.เบเลนิซ เบลลิน่า (Bérénice Bellina) และดร.เอียน โกลฟเวอร์ (Ian Glover) จัดให้
หม้อพรมน ้าเป็นภาชนะประเภทเด่นแบบหนึ่งที่เป็นตัวแทนของหลักฐานในช่วงตั้งแต่
พุทธศตวรรษที่ 7 - 9 ซึ่งช่วงเวลานี้จะมีการติดต่อค้าขายกันอย่างกว้างขวางระหว่างภูมิภาค
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับอินเดียและโรมัน ผู้คนในภูมิภาคนี้ได้น ารูปแบบของวัฒนธรรม
อินเดียหลายอย่างมาปรับใช้เป็นของตนเอง ดังตัวอย่างการผลิตหม้อพรมน ้าไว้ใช้ในพิธีกรรม
116
ตามแบบอย่างของชาวอินเดีย แต่ชิ้นส่วนหม้อพรมน ้าบางใบจากแหล่งโบราณคดีสมัย
ทวารวดีเช่นจากเมืองนครปฐม (ภาพที่ 210) และเมืองอู่ทอง (ภาพที่ 214) ก็มีอายุไม่เก่าไปถึง
พุทธศตวรรษที่ 7 - 9 อย่างแน่นอน เพราะพบอยู่ในชั้นหลักฐานระยะสุดท้ายในช่วงปลายสมัย
ทวารวดีก่อนที่จะมีการทิ้งร้างแหล่งโบราณคดีไป
ภาพที่ 214 ชิ้นส่วนปากขวดของพม้อพรมน ้า พบจากการขุดค้นที่เนินพลับพลา เมืองอู่ทอง
235