Page 462 - คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป)
P. 462
- คำ�แปลอย่�งไม่เป็นท�งก�ร -
3. หากภาคีผู้ถูกฟ้องด าเนินการแจ้งตามอนุวรรค 2 (บี) ว่าตนไม่สามารถปฏิบัติตามพันธกรณี 2. การร้องขอที่อ้างถึงในวรรค 1 อาจกระท าได้ภายหลังจากมีกรณีต่อไปนี้เกิดขึ้นเท่านั้น
ภายใต้วรรค 1 ได้โดยทันที ภาคีผู้ถูกฟ้องจะต้องมีระยะเวลาที่สมควรเพื่อปฏิบัติตาม แล้วแต่ว่ากรณีใดจะเกิดก่อน ระหว่าง
พันธกรณีภายใต้วรรค 1
(เอ) การสิ้นสุดระยะเวลาที่สมควรซึ่งก าหนดตามข้อ 19.15 (การปฏิบัติตามรายงาน
4. หากเป็นไปได้ กลุ่มภาคีที่พิพาทจะต้องตกลงระยะเวลาที่สมควรซึ่งอ้างถึงในวรรค 3 ฉบับสุดท้าย) หรือ
หากกลุ่มภาคีที่พิพาทไม่สามารถตกลงระยะเวลาที่สมควรได้ภายใน 45 วันนับจากวันที่
คณะพิจารณาออกรายงานฉบับสุดท้ายให้แก่กลุ่มภาคีที่พิพาท ภาคีที่พิพาทใดสามารถ (บี) ภาคีผู้ถูกฟ้องได้แจ้งต่อภาคีผู้ฟ้องตามอนุวรรค 2 (เอ) หรือวรรค 7 ของข้อ 19.15
ร้องขอให้ประธานคณะพิจารณาตัดสินระยะเวลาที่สมควร โดยวิธีการแจ้งไปยังประธานและ (การปฏิบัติตามรายงานฉบับสุดท้าย) ว่าได้ปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้วรรค 1
ภาคีที่พิพาทอีกฝ่าย การร้องขอดังกล่าวจะต้องด าเนินการภายใน 120 วันนับจากวันที่ ของข้อ 19.15 (การปฏิบัติตามรายงานฉบับสุดท้าย) แล้ว
คณะพิจารณาออกรายงานฉบับสุดท้ายให้แก่กลุ่มภาคีที่พิพาท
3. คณะพิจารณาทบทวนการปฏิบัติตามจะต้องประเมินเรื่องที่อยู่ในการพิจารณาของตน
5. เมื่อมีการร้องขอตามวรรค 4 ประธานคณะพิจารณาจะต้องเสนอต่อกลุ่มภาคีที่พิพาท อย่างเป็นกลาง ซึ่งรวมถึงการประเมินอย่างเป็นกลางของ
การตัดสินระยะเวลาที่สมควรและเหตุผลส าหรับการตัดสินดังกล่าวภายใน 45 วัน
นับจากวันที่ประธานคณะพิจารณาได้รับการร้องขอ (เอ) ข้อเท็จจริงของการด าเนินการโดยภาคีผู้ถูกฟ้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้
วรรค 1 ของข้อ 19.15 (การปฏิบัติตามรายงานฉบับสุดท้าย) และ
6. เพื่อเป็นแนวทาง ระยะเวลาที่สมควรซึ่งตัดสินโดยประธานคณะพิจารณาไม่ควรเกิน 15 เดือน
นับจากวันที่มีการออกรายงานฉบับสุดท้ายของคณะพิจารณาให้แก่กลุ่มภาคีที่พิพาท (บี) ความมีอยู่หรือความสอดคล้องกับความตกลงฉบับนี้ของมาตรการที่ด าเนินการ
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่สมควรดังกล่าวอาจสั้นกว่าหรือยาวกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์เฉพาะ โดยภาคีผู้ถูกฟ้องเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้วรรค 1 ของข้อ 19.15 (การปฏิบัติ
ตามรายงานฉบับสุดท้าย)
7. เมื่อภาคีผู้ถูกฟ้องเห็นว่าตนได้ปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้วรรค 1 แล้ว ภาคีผู้ถูกฟ้องจะต้อง
แจ้งภาคีผู้ฟ้องโดยไม่ชักช้า ภาคีผู้ถูกฟ้องจะต้องรวมในการแจ้งค าอธิบายมาตรการใด ๆ 4. คณะพิจารณาทบทวนการปฏิบัติตามจะต้องระบุไว้ในรายงานของตน
ที่ตนเห็นว่าบรรลุการปฏิบัติตามแล้ว วันที่ที่มาตรการมีผลบังคับใช้ และข้อบทของมาตรการ
ดังกล่าว หากมี (เอ) ส่วนอธิบายที่สรุปข้อโต้แย้งของกลุ่มภาคีที่พิพาทและภาคีฝ่ายที่สาม
4
ข้อ 19.16: การทบทวนการปฏิบัติตาม (บี) ผลการพิจารณาข้อเท็จจริงของกรณีที่เกิดขึ้นภายใต้ข้อนี้และการใช้บังคับ
ของบทบัญญัติของความตกลงฉบับนี้
1. เมื่อกลุ่มภาคีที่พิพาทไม่เห็นด้วยกับการมีอยู่หรือความสอดคล้องกับความตกลงฉบับนี้
ของมาตรการที่ใช้เพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้วรรค 1 ของข้อ 19.15 (การปฏิบัติ (ซี) ผลการตัดสินเรื่องความมีอยู่หรือความสอดคล้องกับความตกลงฉบับนี้ของมาตรการ
ตามรายงานฉบับสุดท้าย) ให้ระงับข้อพิพาทดังกล่าวโดยใช้คณะพิจารณาที่รวมตัวเพื่อ ที่ใช้เพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้วรรค 1 ของข้อ 19.15 (การปฏิบัติตามรายงาน
ความมุ่งประสงค์นี้ (ซึ่งต่อไปในที่นี้จะเรียกว่า “คณะพิจารณาทบทวนการปฏิบัติตาม” ฉบับสุดท้าย) และ
ในบทนี้) ภาคีผู้ฟ้องอาจร้องขอให้มีการรวมตัวของคณะพิจารณาทบทวนการปฏิบัติตาม
โดยวิธีการแจ้งไปยังภาคีผู้ถูกฟ้อง ภาคีผู้ฟ้องจะต้องให้ส าเนาการร้องขอแก่ภาคีอื่นโดย (ดี) เหตุผลของผลการพิจารณาและการตัดสินที่อ้างถึงในอนุวรรค (บี) และ (ซี)
พร้อม ๆ กัน
5. เมื่อมีการร้องขอตามวรรค 1 ให้มีการรวมตัวของคณะของคณะพิจารณาทบทวนการปฏิบัติ
ตามภายใน 15 วันนับจากวันที่มีการร้องขอ หากเป็นไปได้คณะพิจารณาทบทวนการปฏิบัติ
ตามจะต้องออกรายงานฉบับชั่วคราวให้แก่กลุ่มภาคีที่พิพาทภายใน 90 วันนับจากวันที่
4 รวมตัว และออกรายงานฉบับสุดท้าย 30 วันหลังจากนั้น หากคณะพิจารณาทบทวน
เพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น การปรึกษาหารือภายใต้ข้อ 19.6 (การปรึกษาหารือ) ไม่ใช่เรื่องที่จ าเป็นส าหรับ
กระบวนการภายใต้ข้อนี้ การปฏิบัติตามเห็นว่าไม่สามารถออกรายงานฉบับใดฉบับหนึ่งได้ภายในระยะเวลาที่ก าหนด
19-17 19-18