Page 88 - รายงานประจำปี 2567 กองทุนการออมแห่งชาติ
P. 88
กองทุุนการออมแห่่งชีาติิ
กองทุนการออมแห่งชาติ
หมายเหตุ่ประกอบงบการเงิน กองทุนการออมแห่งชาติ
หมายเหตุประกอบงบการเงิน
สำาหรับปีส้�นสุดวัันที่่� 31 ธัันวัาคม 2567 หมายเหตุประกอบงบการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567
หน่วย : บาท หน่วย : บาท
1. ข้อมูลทั่วไป 1. สมาชิกที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี ได้รับเงินสมทบในอัตราร้อยละ 50 ของเงินสะสมของ
1.1 การจัดตั้งและวัตถุประสงค์ สมาชิกที่จ่ายเข้ากองทุนฯ เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินปีละ 600 บาท สำหรับปีปฏิทินนั้น
กองทุนการออมแห่งชาติ (กองทุนฯ) จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 2. สมาชิกที่มีอายุมากกว่า 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี ได้รับเงินสมทบในอัตราร้อยละ 80 ของเงินสะสมของ
มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อส่งเสริม สมาชิกที่จ่ายเข้ากองทุนฯ เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินปีละ 960 บาท สำหรับปีปฏิทินนั้น
การออมทรัพย์ของสมาชิกและเพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำนาญและให้ประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิก
เมื่อสิ้นสมาชิกภาพ โดยบุคคลที่เข้ามาเป็นสมาชิกจะต้องเป็นบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในหลักประกัน 3. สมาชิกที่มีอายุมากกว่า 50 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี ได้รับเงินสมทบในอัตราร้อยละ 100 ของเงินที่สะสมของ
ยามชราภาพใด ๆ ทั้งสิ้น และกองทุนฯ ได้เริ่มเปิดรับสมาชิกเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558 สมาชิกที่จ่ายเข้ากองทุนฯ เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินปีละ 1,200 บาท สำหรับปีปฏิทินนั้น
ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิสมัครสมาชิกกองทุนฯ ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 มีการประกาศกฎกระทรวงเรื่องการกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงิน
2554 ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ และไม่เป็นผู้ประกันตน สมทบ พ.ศ. 2566 ได้กำหนดให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ สำหรับสมาชิกในอัตรา ดังนี้
ตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม ซึ่งส่งเงินเพื่อได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ สมาชิกกองทุน 1. สมาชิกที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี ได้รับเงินสมทบในอัตราร้อยละ 50 ของเงินสะสมของ
บำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร กองทุนบำเหน็จบำนาญ สมาชิกที่จ่ายเข้ากองทุนฯ เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินปีละ 1,800 บาท สำหรับปีปฏิทินนั้น
ข้าราชการส่วนท้องถิ่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือ 2. สมาชิกที่มีอายุมากกว่า 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี ได้รับเงินสมทบในอัตราร้อยละ 80 ของเงินสะสมของ
เป็นสมาชิกกองทุนหรืออยู่ในระบบบำนาญอื่น ตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง สมาชิกที่จ่ายเข้ากองทุนฯ เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินปีละ 1,800 บาท สำหรับปีปฏิทินนั้น
อย่างไรก็ตาม มาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 กำหนดให้สิทธิแก่ 3. สมาชิกที่มีอายุมากกว่า 50 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี ได้รับเงินสมทบในอัตราร้อยละ 100 ของเงินที่สะสมของ
ผู้ที่อยู่ในหลักประกันยามชราภาพ ซึ่งเป็นข้อยกเว้นตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติวรรคข้างต้น สมาชิกที่จ่ายเข้ากองทุนฯ เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินปีละ 1,800 บาท สำหรับปีปฏิทินนั้น
ก่อนสิ้นสมาชิกภาพ คงการเป็นสมาชิกต่อไปได้และสมาชิกจะจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนฯ ก็ได้ แต่รัฐบาล โดยกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลบังคับให้กองทุนการออมแห่งชาติถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566
ไม่ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ เป็นต้นไป และให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. 2558
กิจการของกองทุนฯ ไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงาน สำหรับอัตราเงินสมทบอาจเปลี่ยนแปลงโดยคำนึงถึงสภาวะเศรษฐกิจ และจะมีการพิจารณาทบทวน
สัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม การจ่ายเงินสมทบทุก 5 ปี การจ่ายเงินสมทบให้จ่ายภายในสิ้นเดือนถัดจากเดือนที่สมาชิกจ่ายเงินสะสม
สำนักงานตั้งอยู่ เลขที่ 979/37-41 ชั้น 18 อาคาร เอส เอ็ม ทาวเวอร์ ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เข้ากองทุนฯ
เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 ในกรณีที่มีสมาชิกไม่จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนฯ ให้สมาชิกรายนั้นยังคงเป็นสมาชิกต่อไป แต่รัฐบาลไม่ต้อง
จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ สำหรับสมาชิกรายนั้น
1.2 เงินทุนและลักษณะการดำเนินงาน
เงินสะสม หมายถึง เงินที่สมาชิกสะสมเข้ากองทุนฯ ตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ ในกรณีสมาชิกทุพพลภาพก่อนที่ครบอายุ 60 ปีบริบูรณ์ ซึ่งแพทย์ที่ทางราชการรับรองได้ตรวจและแสดง
ความเห็นว่าทุพพลภาพ สมาชิกจะขอรับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมทั้งหมดหรือบางส่วน
ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าเดือนละห้าสิบบาทและไม่เกินจำนวนที่กำหนดโดยกฎกระทรวง จากกองทุนฯ ก็ได้โดยให้ขอรับได้เพียงครั้งเดียว
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 มีการประกาศกฎกระทรวงเรื่องการกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงิน เงินดำรงชีพ หมายถึง เงินที่จ่ายให้แก่สมาชิกเป็นรายเดือนแทนเงินบำนาญ กรณีเงินบำนาญที่คำนวณได้
สมทบ พ.ศ. 2566 ได้กำหนดให้สมาชิกสามารถจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนฯ ได้ไม่น้อยกว่าเดือนละห้าสิบ มีจำนวนน้อยกว่าเงินบำนาญขั้นต่ำที่กำหนดโดยกฎกระทรวง โดยให้จ่ายเงินดำรงชีพจากเงินในบัญชี
บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วจะต้องไม่เกินสามหมื่นบาทสำหรับปีปฏิทินนั้น
เงินบำนาญของสมาชิกเท่ากับจำนวนเงินบำนาญขั้นต่ำจนกว่าเงินในบัญชีเงินบำนาญจะหมด
เงินสมทบ หมายถึง เงินที่รัฐบาลจ่ายสมทบเงินสะสมเข้ากองทุนฯ ตามพระราชบัญญัติกองทุนการออม เงินบำนาญ หมายถึง เงินที่จ่ายให้แก่สมาชิกเป็นรายเดือนเมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลงเมื่ออายุ
แห่งชาติ พ.ศ. 2554 โดยให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบตามระดับอายุของผู้เป็นสมาชิกและเป็นอัตราส่วนกับ ครบ 60 ปีบริบูรณ์ โดยให้สมาชิกผู้นั้นมีสิทธิได้รับบำนาญจากกองทุนฯ จนตลอดชีวิต
จำนวนเงินสะสม โดยมีอัตราตามที่กำหนดในบัญชีเงินสมทบตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ
พ.ศ. 2554 และเมื่อรวมกันแล้วในปีหนึ่ง ๆ ต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบสูงสุดที่กำหนดโดยกฎกระทรวงซึ่ง บัญชีเงินกองกลาง หมายถึง เงินที่รัฐบาลเป็นผู้จัดสรรให้กับทางกองทุนฯ โดยทางกองทุนฯ ได้บันทึกเข้า
ต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบสูงสุดตามที่กำหนดในบัญชีเงินสมทบตามพระราชบัญญัติกองทุนการออม ไว้เป็นทุน และรวมถึงเงินที่มีผู้บริจาคให้ เงินตามบัญชีเงินรายบุคคลที่ไม่มีผู้รับ เงินและทรัพย์สินของ
แห่งชาติ พ.ศ. 2554 ทั้งนี้ กฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. 2558 กองทุนในส่วนที่มิใช่ของสมาชิกผู้รับบำนาญ หรือผู้รับเงินดำรงชีพคนใด และดอกผลของเงินและทรัพย์สิน
ได้กำหนดให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ สำหรับสมาชิกในอัตรา ดังนี้ ดังกล่าว
19 20
88 รายงานประจำำาปี 2567 กองทุุนการออมแห่่งชาติิ
