Page 137 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 137

162
                          Quaritch Wales, Dvaravati: The Earliest Kingdom of Siam
               th
                     th
              (6  to 11  century A.D.) (London: Bernard Quaritch, LTD., 1969), 5, 20.
                       163
                          Ibid., 6–7.
                       164
                           H.H.E.Loofs,  “Problems  of  Continuity  between  the  pre-
              Buddhist and Buddhist Periods in Central Thailand, with special reference
              to U-Thong,” in Early South East Asia: Essays in Archaeology, History, and
              Historical Geography (New York, Kuala Lumpur: Oxford University Press,
              1979), 346.
                       165
                          Ibid., 348.
                       166
                          Ibid., 349. ในเวลาต่อมาได้มีการน าผลการขุดค้นและค่าอายุทาง
              วิทยาศาสตร์จากบ้านท่าม่วง  มาวิเคราะห์ใหม่อีกครั้งโดย แอนดรูว์ บาร์แรม

              (Andrew  Barram)  เพื่อจัดท าวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทเสนอต่อมหาวิทยาลัย
              แห่งชาติออสเตรเลีย เขาพบว่าค่าอายุทางวิทยาศาสตร์ที่ได้นั้นเมื่อน ามาค านวณ
              อายุใหม่ (calibrated  date)   จะอยู่ในช่วงก่อนหน้าสมัยทวารวดี คือราว
              พุทธศตวรรษที่ 6–12  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการทิ้งร้างแหล่งโบราณคดีไป
              ในช่วงหลังจากพุทธศตวรรษที่ 12 หรือสมัยทวารวดี เพราะตัวอย่างถ่านในชั้นดิน
              ตอนบนมีไม่มากพอในการน าไปก าหนดอายุ ดูใน Andrew  Barram,  “Dating
              “Dvaravati”,” Indo-Pacific Prehistory Association Bulletin 23, 1 (2003): 60.
                       167
                           ช็อง บัวเซอลีเยร์, “ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับสถานที่ตั้งของอาณาจักร
              ฟูนัน,” ใน โบราณวิทยาเรื่องเมืองอู่ทอง, เก็บความเรียงเรียงโดย หม่อมเจ้า
              สุภัทรดิศ ดิศกุล (พระนคร: กรมศิลปากร, 2509. พิมพ์ในงานเสด็จพระราชด าเนิน
              ทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง 13 พ.ค. 2509), 11–20.
                       168
                           พิริยะ ไกรฤกษ์ เสนอความเห็นไปในแนวทางที่ท าให้เชื่อได้ว่า
              อู่ทองคือจินหลิน ดูใน ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีในประเทศไทย
              (กรุงเทพฯ:  บริษัท อมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊พ จ ากัด, 2533), 187. ธิดา สาระยา
              ก็เสนอว่า เมืองอู่ทอง คือ จินหลิน (ดินแดนทอง) โดยอาศัยการเทียบเคียงค าแปล





                                          126
   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142