Page 232 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 232
แม้ว่าจะยังไม่อาจหาค าอธิบายที่แน่ชัดได้ว่า โบราณวัตถุและ
อินทรีย์วัตถุที่พบในเรือจมพนมสุรินทร์ส่วนหนึ่งเป็นผลผลิตของบ้านเมืองใน
ภาคกลางของประเทศไทยหรือไม่ ? หรือแม้แต่จุดแวะพักที่เรือล านี้แล่นเข้า
มา (เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้า ? หรือซ่อมแซมเรือ ?) ยังเมืองสมัยทวารวดีแห่ง
ใดแห่งหนึ่งคือที่ใด ? แต่ขณะนี้นักโบราณคดีผู้ขุดค้นก็มีความเห็นค่อนข้าง
ชัดเจนแล้วว่า เรือจมพนมสุรินทร์น่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่
38
14–15 ซึ่งร่วมสมัยกับแหล่งเรือจมอาหรับที่เกาะเบลีตุงในประเทศ
อินโดนีเซีย
ตลาดการค้า
สารานุกรมทงเตี่ยนระบุถึงโถวเหอหรือทวารวดีว่า “ในประเทศนี้
มีตลำด (หรือเมือง) 6 แห่ง” ซึ่งทัทซูโร ยามาโมโตเคยให้ความเห็นว่า
ตลาดใหญ่ 6 แห่งนี้ส่วนหนึ่งอาจตรงกับเมืองนครปฐมโบราณ เมืองอู่ทอง
40
39
เมืองเก่าลพบุรี หรือชุมชนพงตึก จังหวัดกาญจนบุรี ก็เป็นได้
สิ่งที่น่าสนใจคือ ได้พบตราดินเผาชิ้นหนึ่งจากเมืองนครปฐม
(ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) ด้านข้างมีจารึกที่ช ารุด
ไปบางส่วน จิระพัฒน์ ประพันธ์วิทยา และรวินทระ วสิศธะ (Ravindra
Vasishtha) ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณวิเคราะห์ไว้ว่าเป็นจารึกอักษร
พราหมี ภาษาปรากฤต อ่านว่า “varapata(na)” (วรปตน) แปลว่า “เมืองท่า
41
ประเสริฐ” จึงเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกับการค้นพบตราดินเผารูปเรือ รวมถึง
สมอเรือ-สายโซ่เดินเรือทะเล และภาพสลักใบหน้าชาวมุสลิมบนแผ่นอิฐ
ที่กล่าวแล้วข้างต้น นอกจากนี้ที่เมืองนครปฐมยังไม่มีคันดิน ซึ่งแตกต่าง
จากเมืองร่วมสมัยแห่งอื่นๆ จึงมีความเป็นไปได้ว่ามีการวางระบบนี้ไว้
42
เพื่อควบคุมการเดินเรือสินค้าเข้ามายังตัวเมืองได้โดยตรง ดังนั้น
“ตลาดใหญ่” หรือ “เมืองท่าค้าขาย” ที่ส าคัญแห่งหนึ่งของรัฐทวารวดี
43
คงเป็นเมืองนครปฐมโบราณ
221