Page 201 - อัยการนิเทศ (หนังสือราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด) เล่มที่ 86 พ.ศ. 2564
P. 201
ศาลกลับพิพากษาลงโทษด้วยกันทั้งสองฝ่าย จึงน่าสังเกตว่าเพราะเหตุใดศาลจึงใช้หลักเกณฑ์ในการ
วินิจฉัยการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวกับความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าต่างกัน ในเรื่องนี้
มีความเห็นของนักกฎหมายมองว่าเหตุผลที่ศาลไม่ถือว่าการที่ต่างฝ่ายต่างดูหมิ่นซึ่งกันและกัน
เป็นความผิด น่าจะไม่มีอะไรยิ่งไปกว่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยหยุมหยิมเกินกว่าที่จะถือเป็น
ความผิดนั้นเอง
จะเห็นได้ว่า ลักษณะของการกระทำที่เป็นการดูหมิ่นผู้อื่น แม้เป็นเพียงการใช้ถ้อยคำ
หรือวาจาคำพูด ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดบาดแผลทางกาย แต่การพูดหรือใช้ถ้อยคำที่มีลักษณะสบประมาท
เหยียดหยาม เปรียบเทียบ ทำให้ผู้ถูกดูหมิ่นเสื่อมเสีย ถือเป็นการลดทอนคุณค่าในตัวของผู้ถูกดูหมิ่น
ซึ่งนอกจากจะสร้างความอับอาย วิตกกังวลแล้ว อาจสร้างความเครียด เก็บกด ซึ่งอาจส่งผลถึงขั้น
เป็นโรคซึมเศร้า หรือหวาดกลัวสังคมได้ ซึ่งไม่ต่างจากผู้ป่วยจิตเวชที่มีสาเหตุมาจากการถูกผู้อื่นบูลลี่
ในสังคมปัจจุบัน จึงถือเป็นบาดแผลทางใจที่เจ็บปวดต่อผู้ที่ถูกกระทำไม่น้อย เพื่อเป็นประโยชน์
แก่ผู้อ่านบทความนี้ จึงได้รวบรวมถ้อยคำที่ศาลฎีกาเคยพิพากษาว่า ถือเป็นความผิดฐานดูหมิ่นไว้ ดังนี้
“อีหน้าหมู อีหน้าหมา” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๐๘๙/๒๕๑๑)
“อีสัตว์” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๒๒๐/๒๕๑๘)
“อีดอก” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๑๐๒/๒๕๒๑)
“พระหน้าผี พระหน้าเปรต” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๐/๒๕๒๗)
“ผู้หญิงชั่ว” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๑๗๓/๒๕๕๘)
“อีกะหรี่” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๙๓๘๔/๒๕๕๗)
“อีเหี้ย อีสัตว์ อีควาย” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๒๕๗/๒๕๔๘)
“ไอ้ระยำ ไอ้เบื๊อก ไอ้ตัวแสบ” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๖๓๑/๒๕๓๘)
“ผู้หญิงต่ำ ๆ” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๒๕๖/๒๕๓๗) เป็นต้น
และแม้ความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าจะมีลักษณะการกระทำความผิดคล้ายกับความผิด
ฐานหมิ่นประมาท แต่ความผิดฐานหมิ่นประมาทเป็นความผิดที่สามารถยอมความได้ ส่วนความผิด
ฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า แม้จะอยู่ในหมวดลหุโทษ แต่เป็นความผิดที่ไม่สามารถยอมความได้ ทั้ง ๆ ที่เรื่อง
ดูหมิ่นซึ่งหน้ามุ่งเพียงแต่คุ้มครองคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้ถูกกระทำเท่านั้น ไม่ได้กระทบต่อคุณค่า
ทางสังคมแต่อย่างใด แต่กฎหมายกลับกำหนดให้เป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ ผู้เสียหาย
จึงสามารถฟ้องคดีได้เองภายในกำหนดอายุความ และพนักงานอัยการสามารถฟ้องคดีได้
โดยไม่ต้องมีการร้องทุกข์ภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
เมื่อท่านได้อ่านบทความมาถึงตรงนี้ คงได้พอเห็นแล้วว่าจากคดีที่ยกตัวอย่างมาแต่ต้น
บางครั้งบางที่การที่คนเราตกเป็นผู้กระทำความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่นนั้น อาจเกิดขึ้นเพียงเพราะ
ความสนุกชั่ววูบ ความโกรธชั่วคราว หรือเป็นเพียงการตัดสินใจชั่วขณะเท่านั้น แต่สำหรับผล
ที่ตามมาอาจทำให้ท่านต้องกลายเป็นผู้ต้องหา หรือจำเลยไป และกลับกันก็อาจส่งผลให้เกิดแผล
ทางใจไปอีกยาวนานสำหรับผู้ที่ถูกท่านกระทำการดูหมิ่น ดังนั้น หากพลาดพลั้งเกิดเหตุเป็น
คดีความส่งผลไปถึงการดำเนินคดีในความผิดฐานนี้ขึ้นมาแล้ว แต่คดีนี้แม้ผู้กระทำความผิด
คิดได้ขึ้นมาภายหลัง อยากจะแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบของตนเสีย
อัยการนิเทศ เล่มที่ ๘๖ พ.ศ. ๒๕๖๔ 191