Page 448 - คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป)
P. 448
- คำ�แปลอย่�งไม่เป็นท�งก�ร -
ข้อ 19.5: การเลือกเวทีระงับข้อพิพาท (บี) ส่งส าเนาการตอบการร้องขอให้แก่ภาคีอื่นพร้อม ๆ กัน
1. เมื่อข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิและพันธกรณีภายใต้ความตกลงฉบับนี้ที่เทียบเท่าในสาระส าคัญ 6. ภาคีผู้ถูกฟ้องจะต้องเข้าสู่การปรึกษาหารือไม่ช้ากว่า
กับสิทธิและพันธกรณีภายใต้ความตกลงด้านการค้าหรือการลงทุนระหว่างประเทศอื่น
ที่กลุ่มภาคีที่พิพาทเป็นภาคี ภาคีผู้ฟ้องอาจเลือกเวทีระงับข้อพิพาท และให้ใช้เวทีนั้น (เอ) 15 วันหลังจากวันที่ได้รับการร้องขอเพื่อให้มีการปรึกษาหารือที่ด าเนินการ
เพียงเวทีเดียว โดยไม่ใช้เวทีอื่นอีก ตามวรรค 1 ในกรณีเร่งด่วน ซึ่งรวมถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่เน่าเสียได้ หรือ
2. เพื่อความมุ่งประสงค์ของข้อนี้ ให้ถือว่าภาคีผู้ฟ้องได้เลือกเวทีระงับข้อพิพาท เมื่อได้ร้องขอ (บี) 30 วันหลังจากวันที่ได้รับการร้องขอเพื่อให้มีการปรึกษาหารือที่ด าเนินการ
ให้มีการจัดตั้งคณะพิจารณาตามวรรค 1 ของข้อ 19.8 (การร้องขอให้มีการจัดตั้งคณะ ตามวรรค 1 ส าหรับเรื่องอื่น ๆ
พิจารณา) หรือร้องขอให้มีการจัดตั้ง หรือส่งเรื่องไปยังคณะพิจารณาหรือศาลเพื่อระงับ
ข้อพิพาทภายใต้ความตกลงด้านการค้าหรือการลงทุนระหว่างประเทศอื่น 7. กลุ่มภาคีที่พิพาทจะต้องเข้าร่วมในการปรึกษาหารือโดยสุจริตและพยายามทุกวิถีทาง
เพื่อบรรลุข้อยุติที่ตกลงร่วมกันผ่านการปรึกษาหารือ เพื่อการนี้ กลุ่มภาคีที่พิพาทจะต้อง
3. ข้อนี้ไม่ใช้บังคับในกรณีที่กลุ่มภาคีที่พิพาทตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะไม่ใช้ข้อนี้
บังคับข้อพิพาทที่เฉพาะเจาะจง (เอ) ให้ข้อมูลที่เพียงพอในระหว่างการปรึกษาหารือเพื่อให้สามารถมีการพิจารณา
วินิจฉัยเรื่องที่พิพาทโดยสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงว่ามาตรการที่เป็นประเด็นพิพาท
ข้อ 19.6: การปรึกษาหารือ อาจมีผลกระทบต่อการปฏิบัติตามหรือการใช้บังคับความตกลงฉบับนี้อย่างไร
1. ภาคีใด ๆ อาจร้องขอให้มีการปรึกษาหารือกับภาคีอื่น ๆ เกี่ยวกับเรื่องใด ๆ ที่ระบุไว้ในวรรค 1 (บี) ปฏิบัติต่อข้อมูลที่เป็นความลับหรือที่มีกรรมสิทธิ์ที่ได้แลกเปลี่ยนในระหว่าง
ของข้อ 19.3 (ขอบเขต) ภาคีผู้ถูกฟ้องจะต้องพิจารณาการร้องขอจากภาคีผู้ฟ้องให้มีการปรึกษา การปรึกษาหารือบนพื้นฐานเดียวกันกับภาคีผู้ให้ข้อมูล และ
หารืออย่างเหมาะสม และจะต้องให้โอกาสส าหรับการปรึกษาหารือดังกล่าวอย่างเพียงพอ
(ซี) พยายามให้บุคลากรของหน่วยงานรัฐบาลหรือองค์กรก ากับดูแลอื่น ๆ ของตน
2. การร้องขอเพื่อให้มีการปรึกษาหารือใด ๆ ที่ด าเนินการตามวรรค 1 จะต้องให้เหตุผลส าหรับ ซึ่งรับผิดชอบ หรือมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องเข้าร่วมการปรึกษาหารือ
การร้องขอ รวมถึงการระบุมาตรการที่เป็นประเด็นพิพาท และพื้นฐานของข้อเท็จจริง
และข้อกฎหมายส าหรับค าฟ้อง 8. การปรึกษาหารือจะต้องเป็นความลับและไม่เป็นการกระทบต่อสิทธิของภาคีที่พิพาทใด
ในกระบวนการพิจารณาต่อไปหรือกระบวนการพิจารณาอื่น ๆ
3. ภาคีผู้ฟ้องจะต้องส่งส าเนาการร้องขอเพื่อให้มีการปรึกษาหารือที่ด าเนินการตามวรรค 1
ให้แก่ภาคีอื่นพร้อม ๆ กัน 9. เมื่อใดก็ตามที่ภาคีนอกเหนือไปจากกลุ่มภาคีที่พิพาทเห็นว่าตนมีผลประโยชน์ทางการค้า
อย่างมีนัยส าคัญในการปรึกษาหารือ ภาคีนั้นอาจแจ้งไปยังกลุ่มภาคีที่พิพาทว่าต้องการ
4. ภาคีผู้ถูกฟ้องจะต้องยืนยันโดยทันทีว่าได้รับการร้องขอเพื่อให้มีการปรึกษาหารือ ที่จะเข้าร่วมในการปรึกษาหารือไม่ช้ากว่าเจ็ด (7) วันหลังจากวันที่ได้รับส าเนาการร้องขอ
ที่ด าเนินการตามวรรค 1 โดยการแจ้งไปยังภาคีผู้ฟ้อง โดยระบุวันที่ได้รับการร้องขอ มิฉะนั้น เพื่อการปรึกษาหารือที่อ้างถึงในวรรค 3 ภาคีที่แจ้งจะต้องส่งส าเนาการแจ้งให้แก่ภาคีอื่น
ให้ถือว่าวันที่ที่ส่งการร้องขอเป็นวันที่ที่ภาคีผู้ถูกฟ้องได้รับการร้องขอภาคีผู้ถูกฟ้องจะต้อง พร้อม ๆ กัน ภาคีที่แจ้งจะสามารถเข้าร่วมการปรึกษาหารือได้ หากกลุ่มภาคีที่พิพาทตกลง
ส่งส าเนาการแจ้งดังกล่าวให้แก่ภาคีอื่นพร้อม ๆ กัน
ข้อ 19.7: คนกลาง การประนอม หรือการไกล่เกลี่ย
5. ภาคีผู้ถูกฟ้องจะต้อง
1. กลุ่มภาคีที่พิพาทอาจตกลงที่จะใช้วิธีระงับข้อพิพาททางเลือกโดยสมัครใจเมื่อใดก็ได้
(เอ) ตอบการร้องขอเพื่อให้มีการปรึกษาหารือที่ด าเนินการตามวรรค 1 ไม่ช้ากว่าเจ็ด (7) ซึ่งรวมถึง คนกลาง การประนอม หรือการไกล่เกลี่ย กระบวนการส าหรับวิธีการระงับ
วันหลังจากวันที่ได้รับการร้องขอ และ ข้อพิพาททางเลือกนั้นอาจเริ่มเมื่อใดก็ได้และบอกเลิกโดยภาคีที่พิพาทใด เมื่อใดก็ได้
19-3 19-4