Page 298 - เอกสารคำสอนทวารวดี - ศรีวิชัย
P. 298
ภายนอกถ ้ามีร่องรอยอาคารก่อด้วยอิฐ (แต่เดิมคงเป็นอาคารเครื่องไม้มุงกระเบื้อง)
ยังคงมีฐานโยนีและศิวลึงค์ตั้งอยู่ กรมศิลปากรได้ท าการขุดค้นบริเวณนี้เมื่อ พ.ศ. 2544
พบกระเบื้องมุงหลังคา, เศษภาชนะดินเผา และชิ้นส่วนแตกหักของศิวลึงค์และเทวรูป
พระวิษณุ
ภายในถ ้าทั้งสองนั้นมีลักษณะคล้ายกัน คือผนังด้านในมีการสัดหินให้เห็นเป็นแท่น
ประดิษฐานเทวรูป ภายในถ ้าหนึ่งมีการเซาะผนังด้านข้างให้เป็นร่องส าหรับระบายน ้าที่เกิดจาก
การสรงน ้าเทวรูป ร่องนี้ต่อออกมายังภายนอกถ ้าในลักษณะของท่อโสมสูตรด้วย ที่น่าสนใจคือ
บนผนังด้านในสุดของถ ้าอีกถ ้าหนึ่ง มีร่องรอยการเขียนสีแดง ซึ่งบางท่านกล่าวว่าเป็นสัญลักษณ์
ของค าว่า “โอม” ซึ่งนักวิชาการชาวอินเดียได้กล่าวกับผู้เขียนว่าเป็นภาษาทมิฬของอินเดีย
ภาคใต้ (ภาพที่ 263)
ภาพที่ 263 ภาพเขียนสีภายในโบราณสถานถ ้าเขาคูหา อ าเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ดังนั้นถ ้าเขาคูหาจึงน่าจะสร้างขึ้นโดยเหล่าพราหมณ์ที่มีความสัมพันธ์กับอินเดียภาคใต้
โดยมีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 – 14 ทั้งนี้ในอินเดียภาคใต้ก็ได้พบกลุ่มถ ้าที่เจาะเข้าไป
ในภูเขาเช่นเดียวกันที่เมืองมาวลีปุรัมในรัฐทมิฬนาดู ที่น่าสังเกตคือ กลุ่มถ ้าที่เมืองมาวลีปุรัมนั้น
ก็เจาะเข้าในภูเขาขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งทะเลเช่นเดียวกันเขาคูหา นอกจากนี้ยัง
ได้พบถ ้าที่เจาะเข้าไปในภูเขาที่พนมดาทางตอนใต้ของประเทศกัมพูชาซึ่งสร้างขึ้นในสมัยฟูนัน
ข้อมูลนี้ท าให้ชวนนึกถึงข้อความในเอกสารจีนเหลียงชูที่กล่าวถึงพราหมณ์ชาวอินเดียออก
เดินทางมายังพันพันก่อนที่จะไปเป็นกษัตริย์ของฟูนันนั่นเอง
292