Page 368 - เอกสารคำสอนทวารวดี - ศรีวิชัย
P. 368
บทที่ 9
การรุกรานของราชวงศ์โจฬะ
และเมืองนครศรีธรรมราชในช่วงปลายสมัยศรีวิชัย
อาณาจักรศรีวิชัยเจริญรุ่งเรืองขึ้นจากการค้าทางทะเล โดยมีคู่ค้าส าคัญทั้งจีน (สมัย
ราชวงศ์ถัง) อินเดีย (สมัยราชวงศ์ปาละ) และอาหรับ (ราชวงศ์อับบาสิยะห์ในตะวันออกกลาง)
แต่ภายหลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ถังใน พ.ศ. 1450 ประเทศจีนก็แบ่งแยกเป็นอาณาจักร
ต่างๆ ก่อนจะรวมตัวเป็นหนึ่งอีกครั้งเมื่อ พ.ศ. 1503 ภายใต้การปกครองสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งใน
พ.ศ. 1532 ราชส านักซ่งได้อนุญาตให้เรือสินค้าของเอกชนสามารถล่องไปค้าขายต่างแดนได้
พ่อค้าจากจีนจึงพากันเดินทางไปยังเมืองท่าต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทร
1
อินเดีย และใน พ.ศ. 1530 ราชส านักซ่งก็ได้แต่งคณะทูตของตนออกเดินทางไปยังประเทศ
2
ต่างๆ ซึ่งในปี 1559 มีประเทศคู่ค้าส าคัญของราชวงศ์ซ่ง 4 ประเทศ คือ อาหรับ โจฬะ ชวา และ
3
ศรีวิชัย แต่นโยบายใหม่ของราชส านักจีนนี้ได้ส่งผลกระทบทางลบแก่ศรีวิชัยในไม่ช้า
9.1 สถานการณ์ของศรีวิชัยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16
ดูเหมือนว่าในช่วง พ.ศ. 1533 - 1546 ได้เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้นในศรีวิชัย
เพราะศรีวิชัยถูกกองทัพของอาณาจักรมะตะรามบนเกาะชวาเข้ารุกราน ซึ่งอาจมีเหตุมาจากการ
พยายามควบคุมเส้นทางการค้าเครื่องเทศที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์ในหมู่เกาะทางตะวันออกของ
4
ประเทศอินโดนีเซีย โดยสินค้าอย่างไม้จันทน์ (sandalwood) กานพลู (clove) และพริกไทยด า
(black pepper) จากดินแดนแถบนี้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเกาะชวา ก็ไม่ปรากฏอยู่ใน
5
รายการสินค้าหรือบรรณาการของศรีวิชัยที่ส่งไปจีน และในช่วงเวลาดังกล่าวก็ไม่มีคณะทูตจาก
ศรีวิชัยเดินทางไปจีนเลย โดยศรีวิชัยกลับมามีความสัมพันธ์กับจีนอีกครั้งในสมัยราชวงศ์ซ่งใน
พ.ศ. 1546 ซึ่งคณะทูตศรีวิชัยที่เดินทางไปจีนได้กราบทูลรายงานว่า พระราชาศรีวิชัยได้สร้างวัด
ขึ้นแห่งหนึ่งเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติองค์จักรพรรดิ พร้อมทั้งขอพระราชทานชื่อวัดและระฆัง
6
ซึ่งจักรพรรดิซ่งเจินจงก็พระราชทานให้ตามที่ขอมาด้วย
ในขณะที่ศรีวิชัยด าเนินนโยบายทางการทูตกับจีนนั้น ศรีวิชัยก็ใช้วิธีเดียวกันกับราชวงศ์
โจฬะในอินเดียภาคใต้ด้วย จารึกส าคัญหลักหนึ่งที่เก็บรักษาอยู่ที่เมืองไลเดน ประเทศ
เนเธอร์แลนด์ ระบุว่า เมื่อ พ.ศ. 1548 พระเจ้าราชราชะโจฬะที่ 1 ทรงอุทิศรายได้ของหมู่บ้าน
แห่งหนึ่งส าหรับท านุบ ารุง “จุฑามณีวิหาร” ซึ่งสร้างขึ้นโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์นามว่า
“ศรีมารวิชโยตุงคะวรมัน” โดยวิหารหลังนี้ตั้งอยู่ที่เมืองท่าชายฝั่งทะเลที่ส าคัญคือ เมืองนาคปัฏ
7
ฏินัม และเมื่อพระเจ้าราเชนทรโจฬะที่ 1 ขึ้นครองราชย์ก็ยังคงด าเนินนโยบายที่ดีกับศรีวิชัย
362