Page 371 - เอกสารคำสอนทวารวดี - ศรีวิชัย
P. 371
“(พระเจ้าราเชนทรโจฬะ) ได้ส่งกองเรือไปในท่ามกลางท้องทะเลอันปั่นป่วน
และได้จับกุมสงครามวิชโยฏฏงคะวรมัน พระราชาแห่งกฎารัม พร้อมกับพลช้าง
ุ
ในกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ (ได้) ทรัพย์สินมหาศาลซึ่ง (พระราชาองค์นั้น)
เก็บรักษาไว้อย่างดี; (การจับกุม) อันเอิกเกริกเกิดขึ้นประตูรบชื่อ วิทยาธรโตรณ ของ
นครหลวงที่เข้าไปยากยิ่งของพระองค์ คือ ศรีวิชัย ซึ่งมีประตูเล็กประดับอัญมณี
ตกแต่งอย่างหรูหราและประตูที่มีอัญมณีขนาดใหญ่; ปัณไณ ซึ่งมีน ้าอยู่ในสระที่
มีสะพานเชื่อม; มไลยูรโบราณ ซึ่งมีภูเขาเป็นปราการแข็งแกร่ง; มายิรุฑิงคัม
ซึ่งล้อมรอบด้วยทะเลลึกราวกับคูป้องกัน; อิลังคาโศกะ (ที่มีนักรบ) ผู้ไม่หวาดหวั่นใน
การรบอันดุดัน; มาปปปาฬัม ล้อมรอบด้วยน ้าลึกเสมือนเครื่องป้องกัน; เมวิฬิมพังกัม
มีก าแพงอันงดงามป้องกัน; วาไฬปปันฑูรุ ซึ่งครอบครอบพื้นที่การเกษตรและป่าไม้;
ตไลตตักโกลัม ซึ่งได้รับการยกย่องจากผู้ยิ่งใหญ่ในด้านวิทยาการ; อิลามุริเทศัม ซึ่งรบ
อย่างเข้มแข็งดุดัน; มณักกวารัม ที่มีน ้าผึ้งอันเก็บได้จากสวนดอกไม้; และกฎารัม
19
ซึ่งเข้มแข็งดุดัน โดยมีทะเลลึกเป็นเครื่องป้องกัน”
ไม่อาจทราบได้ถึงต้นเหตุที่แท้จริงแห่งความบาดหมางระหว่างราชวงศ์โจฬะกับศรีวิชัย
แต่การยกทัพเรือมาโจมตีศรีวิชัยได้ก่อให้เกิดผลเสียขึ้นในเขตน่านน ้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน
ระยะสั้นๆ เพราะใน พ.ศ. 1571 จีนรายงานว่ามีเรือสินค้าเดินทางไปเมืองกวางตุ้งของจีนน้อย
20
มากในช่วงเวลานี้ และไม่มีคณะทูตจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจีนเลยในช่วง พ.ศ. 1568 –
21
1570 จนกระทั่ง พ.ศ. 1571 ศรีวิชัยจึงส่งทูตไปจีนอีกครั้งอันแสดงว่าการโจมตีของกองทัพเรือ
22
โจฬะไม่มีผลอย่างยั่งยืนต่อเศรษฐกิจของศรีวิชัย ขณะที่นักวิชาการชาวมาเลเซียสันนิษฐานว่า
มีกษัตริย์องค์หนึ่งของราชวงศ์โจฬะชื่อกุโลฏฏงคะขึ้นปกครองเมืองกฎารัมในฐานะประเทศราช
ุ
23
ก่อนที่พระองค์จะไปครองบัลลังก์แห่งราชวงศ์โจฬะที่ประเทศอินเดีย อันเป็นผลให้ในช่วงครึ่ง
หลังของพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา มีการก่อสร้างเทวาลัยของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูตาม
แบบอย่างของศิลปะอินเดียภาคใต้ขึ้นหลายหลังบริเวณบูจัง วัลเลย์ ในรัฐเกดะห์ ประเทศ
24
มาเลเซีย (ภาพที่ 334)
ถึงแม้ว่าการรุกรานศรีวิชัยของโจฬะจะส่งผลดีท าให้เมืองกฎารัมเจริญขึ้น แต่กลับ
ส่ง ผลเสียท าให้เมืองท่าเครือข่ายการค้าบางแห่งของศรีวิชัยหมดความส าคัญลง ทั้งนี้
ศาสตราจารย์ ยอร์ช เซเดส์ มีความเห็นว่า ตไลตตักโกลัม คือตักโกละ อยู่บริเวณคอคอดกระ
25
ส่วนมาทมาลิงคัมคือตามพรลิงค์ มีศูนย์กลางอยู่ที่นครศรีธรรมราช ความเห็นข้างต้นนี้ได้รับ
การอธิบายเพิ่มเติมจาก ดร.อมรา ศรีสุชาติ กล่าวคือ ตักโกละอยู่บริเวณจังหวัดระนอง-พังงา-
26
กระบี่ ส่วนตามพรลิงค์คือบริเวณเมืองไชยา-นครศรีธรรมราช ซึ่งเมื่อพิจารณาหลักฐานที่แหล่ง
โบราณคดีทุ่งตึก อ าเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และแหลมโพธิ์ อ าเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ซึ่งเคยเป็นเมืองท่าส าคัญในช่วงที่เศรษฐกิจการค้าของศรีวิชัยรุ่งเรืองในราวพุทธศตวรรษที่ 14 –
27
15 ก็พบว่า ทั้งสองแหล่งโบราณคดีนี้ถูกทิ้งร้างไปในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 พอดี
365