Page 382 - เอกสารคำสอนทวารวดี - ศรีวิชัย
P. 382

โดยภายหลังจากที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สิ้นพระชนม์ราว พ.ศ. 1763 ก็ปรากฏจารึกของ
                       พระราชาแห่งตามพรลิงค์ขึ้นในระยะเวลาไม่นานนัก นั่นคือจารึกหลักที่ 24 วัดหัวเวียงเมือง
                       ไชยา ซึ่งควรจะมาจากเมืองนครศรีธรรมราช (สลับกับจารึกหลักที่ 23 วัดเสมาเมือง) จารึกมี 16

                       บรรทัด เป็นภาษาสันสกฤต ตัวอักษรคล้ายกับรูปอักษรที่ใช้ในเกาะชวาเมื่อราว พ.ศ. 1700

                       แต่อ่านได้ชัดเจนเพียง 8 บรรทัด ตอนต้นเป็นค าสรรเสริญพระศรีธรรมราช นามว่า “จันทรภานุ”
                       ผู้ปกครองเมืองตามพฺรลิงค์ ตอนปลายเป็นเรื่องการกัลปนาเมื่อ พ.ศ. 1773 ดังความตอนว่า

                                     “พระเจ้าผู้ปกครองเมืองตามพรลิงค์ ทรงประพฤติประโยชน์เกื้อกูลแก่

                              พระพุทธศาสนา พระองค์สืบพระวงศ์มาจากพระวงศ์อันรุ่งเรือง คือ ปทุมวงศ มีรูปร่าง
                              งามเหมือนพระกามะ อันมีรูปงามราวกับพระจันทร์ ทรงฉลาดในนิติศาสตร์เสมอด้วย
                              พระเจ้าธรรมาโศกราช เป็นหัวหน้าของพระราชวงศ์......ทรงพระนาม ศรีธรรมราช
                                     ศรีสวสติ พระเจ้าผู้ปกครองเมืองตามพรลิงค์ เป็นผู้อุปถัมภ์ตระกูลปทุมวงศ์
                              พรหัตถ์ของพระองค์มีฤทธิ์มีอ านาจ ...... ด้วยอานุภาพแห่งบุญกุศลซึ่งพระองค์ได้ท า

                              ต่อมนุษย์ทั้งปวง ทรงเดชานุภาพประดุจพระอาทิตย์ พระจันทร์ และมีพระเกียรติอัน
                              เลื่องลือในโลก ทรงพระนามจันทรภานุ ศรีธรรมราช เมื่อกลียุค 4332….”
                                                                                     63

                              นอกจารึกจะระบุพระนามของกษัตริย์และชื่อเมืองแล้ว ยังแสดงเห็นคติแบบใหม่ที่
                       เกิดขึ้นด้วย นั่นคือ การนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทของพระเจ้าจันทรภานุซึ่งเทียบเคียงกับ

                       พระเจ้าอโศกมหาราช (พระเจ้าธรรมาโศกราช) ขณะที่หลักฐานก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นถึงการ
                       เจริญขึ้นของพุทธศาสนานิกายมหายานจากแหล่งที่มาในอินเดีย, อินโดนีเซีย และกัมพูชา

                              พุทธศาสนาเถรวาทในสมัยของพระเจ้าจันทรภานุนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับนิกายลังกาวงศ์
                       เพราะได้พบจารึกที่ประเทศศรีลังกากล่าวถึงพระเจ้าจันทรภานุด้วย โดยพระเจ้าปรากรมพาหุที่

                       6 (ครองราชย์ พ.ศ. 1955 – 2010) ได้ทรงจารึกเรื่องของพระเจ้าจันทรภานุผู้เป็นบรรพบุรุษของ
                       พระองค์เอาไว้ โดยมีใจความว่า “จันทรภานุ โอรสของพระเจ้ามาฆะ, ผู้เป็นใหญ่ในตามพรลิงค์

                       ... ตั้งตัวเองเป็นใหญ่ในเมืองปาฏลิปุร (คือนครศรีธรรมราช) และในเมืองวรรตตมเสตุ”
                                                                                                64
                              ทั้งนี้  ดร.ประภัสสร์ ชูวิเชียร เสนอว่าองค์พระบรมธาตุนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นเจดีย์

                       อันศักดิ์สิทธิ์ของคาบสมุทรภาคใต้ (ภาพที่ 347) น่าจะสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 ทั้งยัง
                       แสดงให้เห็นถึงรูปแบบของเจดีย์ทรงระฆังในศิลปะลังกาสมัยโปลนนารุวะด้วย  ส่วนการขุดค้น
                                                                                           65
                       ในเขตเมืองนครศรีธรรมราชก็พบชั้นวัฒนธรรมช่วงที่มีชิ้นส่วนเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ซ่งใต้
                       ถึงราชวงศ์หยวน (มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 – 19) ในปริมาณมากกว่าในชั้นวัฒนธรรม

                       ระยะแรกสุด ส่วนที่เมืองพระเวียงนั้นพบชิ้นส่วนเครื่องถ้วยจีนที่มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่
                       16 – 17 ดังนั้นอาจจะมีการเคลื่อนย้ายของประชากรจากบริเวณเมืองพระเวียงมายังเขตเมือง

                       นครศรีธรรมราชที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นแทนที่ และเมืองนครศรีธรรมราชก็ได้กลายเป็นศูนย์กลาง
                                                                                                      66
                       ทางการปกครองและวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาของคาบสมุทรภาคใต้ในช่วงสมัยอยุธยาด้วย





                                                               376
   377   378   379   380   381   382   383   384   385   386   387