Page 377 - เอกสารคำสอนทวารวดี - ศรีวิชัย
P. 377

นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อว่านครศรีธรรมราชคือที่ตั้งของรัฐตามพรลิงค์ หรือ “ตันมาลิง”
                       (Dan-ma-ling) ในเอกสารจีน หนังสือจูฟานฉี (Zhu-fan-chi) รวบรวมขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่
                       18 (พ.ศ. 1768) โดยนายด่านศุลกากรชาวจีนชื่อ จาวจูกัว (Chao Ju-Kua) ได้กล่าวว่าตันมาลิง

                       ขึ้นอยู่กับสันโฟชิหรือศรีวิชัย เป็นเมืองที่มีค่ายระเนียดท าด้วยไม้หนา 6 – 7 ฟุต และสูงมากกว่า

                       20 ฟุต ผู้คนขี่ควาย เกล้ามวยผมไว้ด้านหลังและเดินเท้าเปล่า บ้านที่อยู่อาศัยของขุนนางสร้าง
                       ด้วยไม้ ส่วนบ้านของคนธรรมดาสร้างขน าด้วยไม้ไผ่ที่ใช้ใบไม้กั้นห้องและผูกด้วยหวาย สินค้า
                       พื้นเมืองมีขี้ผึ้ง ไม้เนื้อหอม (lakawood, gharuwood) การบูร งาช้าง และนอแรด พ่อค้าต่างชาติ

                       น าร่ม ไหม ไวน์ ข้าว เกลือ น ้าตาล ภาชนะเนื้อกระเบื้อง ชามดินเผา เครื่องปั้นดินเผาเนื้อหยาบ

                       รวมทั้งจานเงินและทองเข้ามาค้าขาย และรวบรวมเอาภาชนะเงินและทองเป็นบรรณาการให้
                             43
                       ศรีวิชัย  น่าสังเกตว่าสินค้าของตันมาลิงคือของป่านานาชนิด ซึ่งหาได้จากป่าเขาทางตะวันตก
                                             44
                       ของเมืองนครศรีธรรมราช  ส่วนสินค้าน าเข้าคือเครื่องถ้วยจากจีนซึ่งก็ได้ส ารวจและขุดค้นพบ
                       ในบริเวณเมืองนั่นเอง

                              ทั้งนี้จูฉูเฟ (Chou Ch’ü-fei) ซึ่งเขียนหนังสือเรื่องลิงไวไตตา (Ling-wai Tai-ta) ตีพิมพ์
                       ใน พ.ศ. 1721 ได้ระบุว่าศรีวิชัยซึ่งในขณะนั้นจีนเรียกว่า สันโฟชิยัง  “..เป็นศูนย์กลางที่ส าคัญ
                       บนสายทางเดินเรือของชาวต่างประเทศที่ไปยังประเทศจีนหรือมาจากประเทศจีน”  ขณะที่
                                                                                                 45
                       เจาจูกัวได้ระบุถึงอ านาจใหม่ที่ปรากฏขึ้นในคาบสมุทรภาคใต้ นั่นคือ กัมพูชา (จีนเรียกเจนละ)

                                                              46
                       ที่มีอ านาจเหนือบางส่วนของคาบสมุทรมลายู  โดยเอกสารจีนสมัยราชวงศ์ซ่งก็เคยบันทึกไว้ว่า
                       กัมพูชามีอาณาเขตจรดอาณาจักรพุกาม ขณะที่ทางทิศใต้มีเขตแดนติดกับเจียโลซิ ซึ่งคาดว่า
                       หมายถึงเมืองครหิแถบอ าเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
                                                                       47


                       9.5  ร่องรอยหลักฐานของวัฒนธรรมเขมรที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี
                              พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ครองราชย์ พ.ศ. 1724 – ราว พ.ศ. 1763) ซึ่งเป็นพุทธมามกะใน

                       นิกายมหายาน (หรือวัชรยาน) ทรงสนพระทัยพื้นที่แถบภาคกลางและภาคตะวันตกของประเทศ
                                                                               48
                       ไทยที่เป็นดั่งศูนย์กลางของพระพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยทวารวดี  ทั้งยังเป็นพื้นที่ราบลุ่มแม่น ้า
                       ขนาดใหญ่ที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก และยังมีทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ คือแร่ธาตุและของป่า
                       นานาชนิดอันเป็นที่ต้องการของกัมพูชา
                                                         49
                              จารึกปราสาทพระขรรค์ ประเทศกัมพูชา (K.908) ได้กล่าวถึงรายชื่อบ้านเมืองอันเป็น
                       ที่ประดิษฐานพระชัยพุทธมหานาถจ านวน 23 แห่ง ในจ านวนนี้มีรายชื่อเมืองในภาคกลางและ

                       ภาคตะวันตกของไทย ได้แก่ ละโว้ทยปุระ สุวรรณปุระ ศัมพูกปัฏฏนะ ชยราชปุรี ศรีชยสิงหปุรี
                                      50
                       และศรีชยวัชรปุรี   รายชื่อเหล่านี้คงจะตรงกับเมืองละโว้ (ลพบุรี) เมืองในจังหวัดสุพรรณบุรี
                       (แหล่งโบราณคดีเนินทางพระ อ าเภอสามชุก) เมืองสระโกสินารายณ์ อ าเภอบ้านโป่ง จังหวัด
                                                                                            51
                       ราชบุรี เมืองราชบุรี เมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี และเมืองเพชรบุรี ตามล าดับ  การพยายาม
                       ครอบครองดินแดนแถบนี้นอกจากผลประโยชน์ที่กล่าวข้างต้นแล้วยังเท่ากับเป็นการจัดตั้งเมือง




                                                               371
   372   373   374   375   376   377   378   379   380   381   382