Page 281 - เอกสารคำสอนทวารวดี - ศรีวิชัย
P. 281

การค้าขายแลกเปลี่ยนในสมัยทวารวดีนั้นมีทั้งการค้าขายแลกเปลี่ยนภายใน (domestic
                       trade) ระหว่างชุมชนร่วมสมัยทวารวดีเอง (เมือง-เมือง, ภูมิภาค-ภูมิภาค) และการค้ากับ
                       ต่างประเทศ (international trade) ซึ่งยังแบ่งออกได้เป็นการค้าทางบกโดยเฉพาะกับชุมชน

                       โบราณในประเทศเมียนมาและกัมพูชา (หลักฐานที่ชัดเจนคือเหรียญเงินและเครื่องถ้วย

                       ตามล าดับ) นอกจากนี้ยังมีการค้าขายทางทะเลผ่านเส้นทางสายไหมทางทะเล (maritime silk
                       road) กับประเทศจีน (สมัยราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่งเหนือ) และประเทศในแถบตะวันออกกลาง
                       ดังได้พบเครื่องถ้วยจากทั้ง 2 ประเทศและหลักฐานที่พบใหม่เมื่อไม่นานมานี้จากแหล่งเรือจม

                       พนมสุรินทร์ในจังหวัดสมุทรสาคร การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศในช่วงช่วงพุทธศตวรรษที่

                       14 – 15 นี้อาจรวมถึงการติดต่อสัมพันธ์กับศรีวิชัยซึ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นในเกาะสุมาตราและ
                       คาบสมุทรมลายูด้วย อันเป็นผลให้เกิดการแพร่หลายเข้ามาของพุทธศาสนานิกายมหายานใน
                       เขตวัฒนธรรมทวารวดี
                                          9
                              จนกระทั่งในราวพุทธศตวรรษที่ 16 อิทธิพลทางวัฒนธรรมและอ านาจทางการเมืองของ

                       เขมรโบราณจากประเทศกัมพูชาได้แพร่หลายเข้ามาในเขตภาคตะวันออกและภาคกลางของ
                                                                                                        10
                       ประเทศไทยโดยเฉพาะที่เมืองลพบุรี ท าให้วัฒนธรรมทวารวดีค่อยๆ เสื่อมลงไปในที่สุด
                       แต่มรดกของวัฒนธรรมทวารวดีที่เห็นได้อย่างชัดเจนในสมัยหลังต่อมาก็คือ พุทธศาสนานิกาย

                       เถรวาทยังคงได้รับการเลื่อมใสศรัทธาทั้งจากผู้ปกครองและประชาชน (ชาวสยาม) ทั่วไป (โดยมี

                       การติดต่อกับประเทศศรีลังกาเป็นหลัก) หรือรูปแบบศิลปกรรมบางอย่างในสมัยอยุธยาก็มี
                       ต้นเค้าแรกสุดมาจากศิลปะทวารวดี (เช่นกรณีของพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร) รวมไปถึง
                       เทคโนโลยีในการบริหารจัดการน ้าหรือการสร้างชุมชนที่ผูกพันกับน ้าซึ่งมีบ้านเมืองโบราณสมัย

                       ทวารวดีเป็นต้นแบบ เป็นต้น

                              ดังนั้นการศึกษาโบราณคดีสมัยทวารวดีจึงท าให้เราเข้าใจสภาพของบ้านเมืองในสมัย
                       ประวัติศาสตร์ตอนต้น ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเจริญเติบโตของบ้านเมืองยุคต่างๆ ในประเทศ
                       ไทยมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายประเด็นของโบราณคดีสมัยทวารวดีที่รอให้มี

                       การศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียด เช่น สภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่หรืออาหารการกินของประชากร

                       ในสมัยทวารวดี, สัตว์เลี้ยงในสมัยทวารวดี, การจัดการพื้นที่ภายในเขตเมืองโบราณ, ต าแหน่ง
                       ที่ตั้งของพระราชวังของกษัตริย์ทวารวดี, ชนชั้นและเพศสภาพในสมัยทวารวดี, ประเพณีการฝัง
                       ศพในสมัยทวารวดี, ความส าคัญของชุมชนโบราณที่ตั้งอยู่ตอนในแผ่นดิน (hinterland),

                       การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมทวารวดีและเขมรโบราณ, คุณลักษณะเฉพาะของโบราณ

                       ศิลปวัตถุแบบทวารวดีในแต่ละเมืองหรือภูมิภาค, มาตรฐานในการผลิตสิ่งของเครื่องใช้สมัย
                       ทวารวดี ฯลฯ ประเด็นทั้งหมดนี้นับเป็นความท้าทายของการท างานโบราณคดีสมัยทวารวดี
                       ในอนาคต








                                                               275
   276   277   278   279   280   281   282   283   284   285   286