Page 168 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 168
ก าหนดอายุที่น่าเชื่อถือของเรือจมที่เกาะเบลีตุงนี้อาศัยค่าอายุ
ทางวิทยาศาสตร์จากตัวอย่างนิเวศวัตถุ 3 ชิ้น คือ ยางไม้หอม โป๊ ยกั๊ก และ
ชิ้นส่วนไม้ล าเรือ ได้ค่าอายุ พ.ศ. 1223–1233, พ.ศ. 1213–1433 และ พ.ศ.
115
1253–1433 ตามล าดับ แต่ผู้ศึกษาอายุสมัยของเรือล านี้ได้ให้ความส าคัญ
กับตัวอักษรบนชามลายเขียนสีจากเตาฉางซา ซึ่งระบุปีตรงกับ พ.ศ. 1369
ในรัชกาลจักรพรรดิถังจิ้งจง (ครองราชย์ พ.ศ. 1367–1370) ดังนั้นเรือสินค้า
116
ล านี้น่าจะออกเดินทาง (และจมลง) ในช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 14
ซึ่งสอดคล้องกับอายุเวลาของหลักฐานชิ้นส่วนเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถัง
ที่แพร่หลายในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดังกล่าวแล้ว
ข้างต้น
จากการศึกษาของไมเคิล เฟลกเกอร์ (Michael Flecker)
เกี่ยวกับเทคนิคการต่อเรือที่บังเอิญจมลง ณ เกาะเบลีตุง พบว่าเรือส าเภา
ล านี้มีกระดูกงู (keel) ยาว 15.3 เมตร กาบเรือใช้เชือกผูกยึดติดกันแบบ
กากบาท ท้องเรือมีห้องสินค้าที่ใช้ไม้คั่น และมีห้องบรรจุก้อนตะกั่วถ่วง
น ้าหนักหรืออับเฉา (แต่ละก้อนหนักราว 4.5 กิโลกรัม มีน ้าหนักรวมกว่า 10
117
เมตริคตัน) น่าสังเกตว่าเรือสินค้าล านี้ใช้เทคนิคการผูกหรือเย็บเชือกแบบ
กากบาทเพื่อยึดกาบเรือ ซึ่งพบได้ในเขตทะเลอาระเบีย (ทั้งอินเดียและ
ตะวันออกกลาง) ที่ส าคัญคือ ไม้ที่ใช้ต่อเรือล านี้เป็นไม้จากแอฟริกา (Afzelia
Africana, Afzelia bipindensis) ไม้สนแอฟริกา (Juniperus procera) และ
ไม้สัก (Tectona grandis) ดังนั้นไมเคิล เฟลกเกอร์จึงสันนิษฐานว่าเรือส าเภา
ที่จมลงที่เกาะเบลีตุง คงต่อขึ้นแถบตะวันออกกลาง (ประเทศโอมาน เยเมน
118
หรืออิหร่าน) (ภาพที่ 47)
เอกสารจีนในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13–14 กล่าวถึงเรือส าเภา
เรียกว่า เรือคุนหลุน (Kunlun ship) ซึ่งต่อขึ้นจากการเย็บไม้กาบเรือติดกัน
119
ด้วยเชือกที่ท าจากใยมะพร้าว นอกจากนี้ยังมีเรือส าเภาจากศรีลังกา ซึ่งมี
ขนาดใหญ่ที่สุด มีความยาว 22 เมตร จุผู้โดยสาร ลูกเรือ และพ่อค้าได้มาก
157