Page 170 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 170
เข้าใจว่าลักษณะของเรือสินค้าพบที่เกาะเบลีตุงน่าจะเป็น
“เรือดาว” (Dhow) ซึ่งใช้ก าหนดเรียกชื่อเรือส าเภาที่แล่นอยู่ในบริเวณทะเล
123
อาระเบีย เรือดาวนี้ต่อขึ้นจากไม้สักหรือไม้เนื้อแข็งอื่นๆ ที่หาได้ (หรือ
124
สั่งมา) จากอินเดียและแอฟริกาตะวันออก โดยไม่ใช้ตะปูตอกยึดโครงสร้าง
ต่างๆ (เทคนิคใช้ตะปูนี้จะเข้ามาเมื่อชาวยุโรปมีบทบาทในมหาสมุทรอินเดีย)
125
แต่จะใช้เชือกที่ท าจากใยมะพร้าวยึดแผ่นไม้เข้าด้วยกัน ทั้งนี้ อาบู ซาอิด
(Abu Zaid) แห่งเมืองซีรอฟ บรรยายไว้ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 ว่า
“เรือแห่งเมืองซีรอฟใช้วิธีผูกหรือเย็บเพื่อยึดแผ่นไม้ล าเรือเข้าด้วยกัน
โดยไม่ใช้ตะปูหรือตอกสลัก ขณะที่เรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและ
126
เรือตามชายฝั่งของซีเรียต่างใช้ตะปู”
นอกจากนี้ ไมเคิล เฟลกเกอร์ มีความเห็นว่าสินค้าประเภท
เครื่องถ้วยที่พบในเรือจมที่เกาะเบลีตุงส่วนใหญ่ก็ได้ขุดค้นพบเครื่องถ้วย
ประเภทนั้นๆ ที่นครหยางโจวด้วย ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่
14 คงมีการขนถ่ายสินค้าลงล าเรือที่เมืองท่าหยางโจว จากนั้นจึงล่องลงมา
เรื่อยๆ จนถึงน่านน ้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอาจแวะพักแลกเปลี่ยน
สินค้า (ทั้งเครื่องถ้วย ผ้าไหม และเครื่องเทศ) หรือซ่อมแซมล าเรือ (และอาจ
จัดหาลูกเรือเพิ่มเติม) ที่เมืองท่าส าคัญแห่งใดแห่งหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย
ปัจจุบัน (พบโบราณวัตถุเช่นคันฉ่องและเหรียญทองค าจากอินโดนีเซีย)
หากไม่จมลงเรือล านี้ก็คงจะล่องต่อไปผ่านช่องแคบมะละกา แล้วข้าม
127
มหาสมุทรอินเดีย เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ตะวันออกกลาง
เฟลกเกอร์ยังเสนอต่อไปด้วยว่าเมื่อพิจารณาหลักฐานโบราณวัตถุที่พบใน
ล าเรือแล้ว (เช่น แท่นหินฝนหมึก ช้อน เข็ม จานเคลือบรัก ด้ามดาบ ฉาบ)
มีความเป็นไปได้ที่จะมีพ่อค้าชาวจีนเดินทางมาร่วมกับพ่อค้าและลูกเรือชาว
128
อาหรับ
159