Page 186 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 186
ประสานงานกับพ่อค้าต่างชาติ ทั้งชาวยิว คริสเตียน มุสลิม ซึ่งอพยพมายัง
163
ชายฝั่งมะละบาร์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย อีกสมาคมหนึ่งซึ่งเริ่มมี
บทบาทตามมาในช่วงพุทธศวรรษที่ 15 คือ สมาคม “ไอนูรรวรร”
(Ainurruvar – แปลว่าห้าร้อย) โดยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 สมาคมพ่อค้า
มณิกกิรมัมและอัญชุวัณณัมได้รวมกิจการภายใต้ชื่อสมาคมไอนูรรวรรที่มี
164
บทบาทมากกว่า
ทั้งนี้ควรกล่าวไว้ด้วยว่าในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15–17 อินเดีย
ภาคใต้โดยเฉพาะแถบชายฝั่งโคโรมันเดล (Coromandel coast) ทาง
ตะวันออกของประเทศ ตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์โจฬะ (Chola
dynasty) โดยมีเมืองท่า (ปัฏฏินัม – Pattinam) หลายแห่ง เช่น วิสาขะปัฏฏิ
นัม (Visakhapattinam) กาเวริปปุมปัฏฏินัม (Kaverippumppattinam)
นาคปัฏฏินัม (Nagapattinam) เป็นต้น ซึ่งจีนบันทึกไว้ว่าเมืองท่าของโจฬะ
165
นั้นเป็นคู่ค้าชั้นหนึ่งของประเทศจีน ดังจะกล่าวถึงอีกในบทที่ 6
ดังนั้นการค้นพบจารึกภาษาทมิฬของสมาคมพ่อค้ามณิกกิรมัมที่
จังหวัดพังงาจึงมีความส าคัญ เพราะแสดงถึงบทบาทของพ่อค้าอินเดียที่
น่าจะเข้าไปตั้งถิ่นฐานในคาบสมุทรภาคใต้ของไทย ซึ่งตั้งอยู่ครึ่งทางที่จะ
ล่องเรือต่อไปยังประเทศจีน (หรือในทางกลับกัน) นอกจากนี้ยังได้พบจารึก
ภาษาทมิฬเป็นของสมาคมพ่อค้าไอนูรรวรรที่เมืองบารุส (Barus)
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตการบูรที่มี
166
คุณภาพแห่งหนึ่งของโลกในสมัยโบราณ ข้อความในจารึกหลักนี้ซึ่งมี
ศักราชตรงกับ พ.ศ. 1631 ยังกล่าวถึงชนพื้นเมืองที่เรียกว่า Zabedj ซึ่งมี
ลักษณะคล้าย “มนุษย์กินคน” ส่วนค าว่า Zabedj นั้นก็อาจเป็นค าเดียวกันกับ
167
ซาบัค (Zabag, Zabaj) ที่ชาวอาหรับใช้เรียกศรีวิชัยก็เป็นได้
175