Page 76 - รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล ปีที่ 4
P. 76

๓.๕) ด าเนินการเชื่อมโยงส่งต่อข้อมูลเพื่อพัฒนากลุ่มเป้าหมาย ส่งต่อข้อมูลแม่เลี้ยงเดี่ยว
           และแม่วัยรุ่นในโครงการฯ เพื่อต่อยอดการช่วยเหลือคุ้มครองทางสังคม โดยมีแม่เลี้ยงเดี่ยว จ านวน ๑๐๘,๙๒๒ คน

           แม่วัยรุ่น (อายุต่ ากว่า ๒๐ ปี) จ านวน ๒๙๔,๙๗๙ คน และแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เป็นแม่วัยรุ่น จ านวน ๑๗,๗๖๗ คน (ข้อมูล

           ณ เดือนธันวาคม ๒๕๖๕) ทั้งนี้ ได้มีการส่งต่อชุดข้อมูลดังกล่าวให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประโยชน์
           ในการให้บริการคลินิกแม่เลี้ยงเดี่ยว การสร้างอาชีพ การคุ้มครอง การให้ช่วยเหลือ และจัดสวัสดิการที่เหมาะสม

           ส าหรับแม่วัยรุ่นในระดับพื้นที่

                             ๓.๖) ผลักดันสวัสดิการแบบถ้วนหน้า โดยรัฐบาลได้ตระหนักถึงความส าคัญในการช่วยเหลือ
           และจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนฯ ให้ครอบคลุมเด็กที่อยู่ในครอบครัวยากจนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการก าหนดแนวทาง

           การจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดแบบถ้วนหน้าให้แก่เด็กแรกเกิด ถึง ๖ ปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่าง
           การพิจารณาเพื่อให้ได้รูปแบบและแนวทางการจัดสวัสดิการฯ ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

           ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ และบริบทของประเทศ
                           ๔) ด าเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กปฐมวัย

                             ๔.๑) ส่งเสริมและพัฒนาสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสถานพัฒนา

           เด็กปฐมวัยแห่งชาติ โดยในปีการศึกษา ๒๕๖๔ มีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยเข้ามาในระบบฐานข้อมูลสารสนเทศ
           การพัฒนาเด็กปฐมวัยตามมาตรฐานชาติเพื่อประเมินตนเอง จ านวน ๔๐,๙๗๐ แห่ง ผ่านการประเมินคุณภาพ

           ตามมาตรฐาน จ านวน ๓๙,๕๘๑ แห่ง (คิดเป็นร้อยละ ๙๖.๖๑) ต้องปรับปรุง จ านวน ๑,๓๘๙ แห่ง (คิดเป็นร้อยละ

           ๓.๓๙)
                             ๔.๒) พัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานด้านเด็กปฐมวัยส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อให้

           ผู้ปฏิบัติงานด้านเด็กน าความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กปฐมวัยในสถานรับเลี้ยงเด็ก โดยมีผู้ปฏิบัติงาน

           ด้านเด็กเข้าร่วมการอบรม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จ านวน ๒,๙๕๘ คน
                             ๔.๓) ส่งเสริมและสนับสนุนการด าเนินงานของสถานรับเลี้ยงเด็กที่เก็บค่าบริการไม่เกิน

           ๒,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน โดยมีเด็กได้รับการสนับสนุนด้านอาหารเสริมและสื่อพัฒนาการ ในปีงบประมาณ
           พ.ศ. ๒๕๖๕ จ านวน ๓๐,๓๙๑ คน เป็นเงิน ๙,๑๑๗,๓๐๐ บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ (ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม -

           ธันวาคม ๒๕๖๕) จ านวน ๑๗๘ คน เป็นเงิน ๕๓,๔๐๐ บาท

                           ๕) ปรับเพิ่มอัตราค่าอาหารกลางวันของนักเรียน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ ๑ จนถึง
           ประถมศึกษาปีที่ ๖ ครอบคลุมนักเรียนจ านวนทั้งสิ้น ๕,๗๙๒,๑๑๙ คน แบ่งออกเป็น ๔ กลุ่ม ดังนี้

                 ล าดับ                ประเภทโรงเรียน                 จ านวนเงินค่าอาหารกลางวันที่ได้รับ

                   ๑.    โรงเรียนที่มีจ านวนนักเรียน ๑ - ๔๐ คน               ๓๖ บาทต่อคนต่อวัน
                   ๒.    โรงเรียนที่มีจ านวนนักเรียน ๔๑ - ๑๐๐ คน             ๒๗ บาทต่อคนต่อวัน

                   ๓.    โรงเรียนที่มีจ านวนนักเรียน ๑๐๑ - ๑๒๐ คน            ๒๔ บาทต่อคนต่อวัน

                   ๔.    โรงเรียนที่มีจ านวนนักเรียนตั้งแต่ ๑๒๑ คนขึ้นไป     ๒๒ บาทต่อคนต่อวัน







                                รายงานผลการดำำาเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์์ จัันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที� ๔
             รายงานผลการด าเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๔
           72 (๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕)                              (๒๕ กรกฎาคม - ๓๑ ธ์ันวาคม ๒๕๖๕)
                                                                                                       ๗๒
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81