Page 95 - อัยการนิเทศ (หนังสือราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด) เล่มที่ 86 พ.ศ. 2564
P. 95

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๑๕๐/๒๕๖๓

                ป.วิ.อ. บรรยายฟ้องอ้างมาตราในกฎหมาย (มาตรา ๑๕๘ (๖))

                พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๔๗๕ (มาตรา ๓ (ก))

                พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๕๖๐ (มาตรา ๔ (๑))

                

   โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยขณะ
                กระทำบางกรรมเป็นความผิดตามกฎหมายเดิม (พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
                พ.ศ. ๒๔๗๕ มาตรา ๓ (ก)) และอีกบางกรรมเป็นความผิดตามกฎหมายใหม่ (พระราชบัญญัติ

                ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔ (๑)) แม้โจทก์มิได้อ้างกฎหมายเดิมมาใน
                คำฟ้อง แต่ทั้งกฎหมายเดิมและกฎหมายใหม่ต่างก็บัญญัติให้การให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยคิด
                ดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดยังคงเป็นความผิด เพียงแต่พระราชบัญญัติห้ามเรียก
                ดอกเบี้ยเกินอัตราฉบับใหม่แก้ไขบทกำหนดโทษให้สูงขึ้นเท่านั้น ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งสอง
                ยังคงเป็นความผิดตามบทบัญญัติของกฎหมายเดิม เพียงแต่กฎหมายใหม่มีระวางโทษหนักกว่า
                กฎหมายเดิม กรณีมิใช่การยกเลิกการกระทำอันเป็นความผิดตามบทบัญญัติของกฎหมายเดิม
                ไปเสียทีเดียว การที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามกฎหมายใหม่ โดยมิได้อ้างกฎหมายเดิม

                ที่ใช้บังคับขณะกระทำความผิดมาด้วย จึงถือว่าเป็นการอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่า
                การกระทำเช่นนี้เป็นความผิดแล้ว ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
                มาตรา ๑๕๘ (๖)
                                       ______________________________

                
             พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ                โจทก์


                ระหว่าง    {

                              นาย ป. ที่ ๑
                              นาย ศ. ที่ ๒                                   จำเลย


                     โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันตามฟ้อง
                ข้อ ๑.๑ ถึงข้อ ๑.๑๖ กล่าวคือ เมื่อระหว่างวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เวลาใดไม่ปรากฏชัด ถึงวันที่
                ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เวลากลางวัน ต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสองให้

                ผู้มีชื่อบุคคลอื่นกู้ยืมเงินจำนวนหลายราย โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๒๐ ต่อปี หรือ
                ร้อยละ ๑๐ ต่อเดือน ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บในแต่ละรายอาจแตกต่างกันบ้าง แต่มีการเรียกเก็บ
                ดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี หรือร้อยละ ๑.๒๕ ต่อเดือน อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
                รวมทั้งหมด ๑๖ กรรม เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมยึดโพยบัญชีรายชื่อลูกค้าผู้กู้ยืมเงิน
                ๑๖ ชุด ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองได้ใช้ มีไว้เพื่อใช้ และได้มาจากการกระทำความผิด และ





                                                             อัยการนิเทศ เล่มที่ ๘๖ พ.ศ. ๒๕๖๔  85
   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100