Page 278 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 278

82
              ประติมากรรมทางพุทธศาสนานิกายมหายาน   ที่ส าคัญคือ พระพุทธรูป
              นาคปรก (แสดงปางมารวิชัย) หล่อด้วยส าริด จากเมืองไชยา (ครหิ) ซึ่งที่
                                       83
              ฐานมีจารึกภาษาเขมรปรากฏอยู่
                       ทั้งนี้ เจาจูกัว (Chao Ju-kua) ซึ่งเป็นนายด่านศุลกากรชาวจีนได้
              บันทึกไว้เมื่อ พ.ศ. 1768 ว่า กัมพูชา (เจนละ) มีอ านาจเหนือบางส่วนของ
                                                      84
              คาบสมุทรมลายูและเลยตลอดไปถึงประเทศพม่า  ขณะที่จูฉูเฟ (Chou
              Ch’ü-fei) ซึ่งเขียนหนังสือเรื่องลิงไวไตตา (Ling-wai Tai-ta) ตีพิมพ์ใน พ.ศ.
              1721 ได้ระบุว่า ศรีวิชัยซึ่งในขณะนั้นจีนเรียกว่าสันโฟชิยัง  “..เป็นศูนย์กลาง

              ที่สําคัญบนสายทางเดินเรือของชาวต่างประเทศที่ไปยังประเทศจีนหรือมา
                          85
              จากประเทศจีน”
                       ดังนั้นอาณาจักรกัมพูชาซึ่งสามารถครอบครองพื้นที่
              ส่วนใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นแผ่นดินใหญ่ (Mainland
              Southeast  Asia)  น่าจะมีนโยบายในการพยายามควบคุมคาบสมุทร

              ภาคใต้ของไทย  เพื่อจะได้ก้าวเข้าไปมีส่วนร่วมในเครือข่ายการค้าของ
              โลกตามเส้นทางสายไหมทางทะเล ซึ่งศรีวิชัยในฐานะพ่อค้าคนกลาง
              รายใหญ่ในน่านน ้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีบทบาทส าคัญอยู่

              ในขณะนั้น โดยฐานที่มั่นทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของอาณาจักรกัมพูชา
              ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นั้นก็คือ ดินแดนแถบลุ่มแม่น ้าเจ้าพระยา-
              ท่าจีน-แม่กลอง ซึ่งทั้งหมดนี้เคยเป็นอาณาบริเวณหลักหรือแกนกลาง
              ทางการปกครอง ศาสนา และเศรษฐกิจการค้าของรัฐ (หรือวัฒนธรรม

              สมัย) ทวารวดีมาก่อนนั่นเอง










                                          267
   273   274   275   276   277   278   279   280   281   282   283