Page 274 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 274
ดังนั้นการขยายอ านาจของเขมรเข้ามาครอบครองดินแดน
ภาคกลางของประเทศไทยย่อมส่งผลดีต่อภาคการเกษตรของ
อาณาจักรกัมพูชาโบราณ เพราะเท่ากับมีพื้นที่ทางการเกษตร (และ
แรงงาน) เพิ่มมากขึ้น ด้วยดินแดนแถบนี้เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าว
61
ที่ส าคัญมาก่อนนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหลักฐานทางโบราณคดีและศิลปกรรม
หรือจารึกของเขมรในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 (หรือหลังจากนั้นเล็กน้อย)
จะปรากฏชัดเจนในแถบเมืองลพบุรีหรือลุ่มแม่น ้าลพบุรี-ป่าสัก ในขณะที่
เมืองโบราณสมัยทวารวดีแห่งอื่นๆ ในฝากตะวันตกแถบลุ่มแม่น ้าแม่กลอง-
ท่าจีน คือ เมืองนครปฐมโบราณ เมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี และเมือง
คูบัว จังหวัดราชบุรี ซึ่งถือเป็นแกนกลางของวัฒนธรรมทวารวดี ยังไม่
ปรากฏหลักฐานของเขมรในช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 16 อย่างชัดเจน
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มหาราชแห่งกัมพูชากับดินแดนทวารวดี
ช็อง บวสเซอลิเย่ร์ มีความเห็นต่างจากนักวิชาการท่านอื่นๆ ว่า
“อาณาจักรทวารวดีคงตั้งสืบต่อลงมาจนถึงราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18
เมื่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งประเทศกัมพูชาได้ทรงแผ่ขยายอ านาจ
62
ออกมาทั่วลุ่มแม่น ้าเจ้าพระยา” ซึ่งหมายความว่าอ านาจของกัมพูชา
โบราณในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 อาจครอบคลุมเฉพาะแถบเมืองลพบุรี
63
ซึ่งมีหลักฐานคือศิลาจารึกและศาสนสถานแบบเขมรที่เมืองลพบุรี นั่นคือ
หากบ้านเมืองในวัฒนธรรมสมัยทวารวดีไม่ได้ล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิงในช่วง
ครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 16 แล้ว ก็น่าจะถูกครอบครองอีกครั้งในสมัย
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ก่อนหน้านั้นในรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างปราสาท
นครวัด (ทรงครองราชย์ พ.ศ. 1656–1693) เมื่อขึ้นครองราชย์แล้วเพียง 1 ปี
พระองค์ก็ได้ส่งทูตไปถวายอัญมณีแด่พระเจ้ากุโลฏฏงคะที่ 1 แห่งราชวงศ์
ุ
263