Page 32 - วิชาการพยาบาลสาธารณภัยเล่มที่ 1 : สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย
P. 32
1.3 ปัจจัยพื้นฐานในการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย
1.3.1 ความมุ่งมั่นทางการเมือง (Political will) เป็นปัจจัยส าคัญที่สุดซึ่งผู้น าทั้งระดับประเทศ
และระดับท้องถิ่นจะต้องมีวิสัยทัศน์ (vision) และมุ่งมั่นที่จะท าให้ประชาชนในประเทศและท้องถิ่นตระหนักถึง
ความเสี่ยงต่อสาธารณภัยต่าง ๆ และเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบจากสาธารณภัยเหล่านั้น
1.3.2 นโยบาย (Policy) ที่จะน าพาไปสู่การวางแผน และการด าเนินการให้เป็นรูปธรรม
1.3.3 การบริหารจัดการในภาวะสาธารณภัย (Disaster management) โดยต้องมีแผน
ระดับชาติและระดับท้องถิ่น
1.3.3.1 การมีส่วนร่วมของประชาชน (Public participation)
1.3.3.2 การแพทย์/สาธารณสุขและสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาธารณภัย
1.3.3.3 การสร้างเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน
1.3.3.4 สื่อมวลชน ท าให้การเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ท าได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว
2. การจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัยตามวงจรการเกิดสาธารณภัย
สาธารณภัยทุกประเภทมีลักษณะการเกิดที่คล้ายคลึงกันคือมีลักษณะการเกิดที่ต่อเนื่องแบ่งเป็นระยะๆ
โดยใช้เวลาเป็นตัวก าหนดโดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 ระยะดังนี้
- ระยะก่อนเกิดสาธารณภัย (Pre-impact phase) หมายถึง ช่วงเวลาที่สาธารณภัยยังไม่เกิดขึ้น
นับตั้งแต่ช่วงเวลาปกติที่ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีภัยเกิดขึ้นจนถึงช่วงเวลาที่มีสิ่งบอกเหตุว่าก าลังจะมีภัยเกิดขึ้น
- ระยะเกิดสาธารณภัย (Impact phase) หมายถึง ช่วงเวลาที่มีสาธารณภัยเกิดขึ้นก่อให้เกิดความ
เสียหายทั้งแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ระยะนี้อาจเป็นวินาที นาที ชั่วโมง วัน เดือน หรือ ปี ก็ได้ขึ้นกับชนิดของ
สาธารณภัยที่เกิด
- ระยะหลังเกิดสาธารณภัย (Post-impact phase) หมายถึง ช่วงเวลาที่สาธารณภัยได้ผ่านพ้นไป
แล้วจนถึงระยะที่ไม่มีภาวะคุกคามที่จะเกิดการบาดเจ็บหรือการท าลายขึ้นอีก เป็นช่วงของการช่วยเหลือทั้งด้าน
การบรรเทาภัยและการฟื้นฟู บูรณะในด้านต่างๆ
ด้วยสาธารณภัยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงจากสาธารณภัย จึงต้อง
จัดการกับปัจจัยที่ท าให้เกิดความเสี่ยงด้วยมาตรการต่างๆเพื่อให้ปัญหาหรือผลกระทบที่เกิดจากสาธารณภัยเหลือ
น้อยที่สุด ซึ่งสามารถจัดการตามวงจรการเกิดสาธารณภัยได้ ดังภาพที่ 1 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
32