Page 32 - Braces News - July 2023
P. 32
30 July 2023
การวิเคราะห์ 3 มิติ เพื่อศึกษา
การเปลี่ยนแปลงของรากฟัน
ในผู้ป่วยที่มีพัฒนาการของรากฟัน
ในระยะที่แตกต่างกันภายหลังการรักษาด้วย
ทันตกรรมจัดฟัน
นัยสำาคัญทางสถิติทั้ง 2 กลุ่ม อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบ
Wan J, Zhou S, et al: Am J Orthod Dentofacial ระหว่างกลุ่มชุดฟันผสมกับกลุ่มชุดฟันแท้ระยะแรก และกลุ่ม
Orthop; 2023;163 (January): 60-67. ผู้ใหญ่พบว่า มีเพียงปริมาณของเคลือบรากฟันที่เปลี่ยนแปลงไป
วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินพัฒนาการของรากฟันตัด เท่านั้นที่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำาคัญทางสถิติ
หลังจากการรักษาด้วยทันตกรรมจัดฟัน และผลที่เกิดขึ้นกับ สรุป: การจัดฟันแต่เนิ่น ๆ เพื่อแก้ไขการสบฟันผิดปกติ
รากฟันที่ระยะพัฒนาของรากฟันที่แตกต่างกัน ประเภทที่ 3 ซึ่งมีฟันหน้าสบไขว้ไม่เป็นอันตรายหรือส่งผลเสีย
ผู้เข้าร่วมการศึกษาวิจัย: ผู้ป่วยรักษาด้วยเครื่องมือ ต่อพัฒนาการของรากฟันตัดแท้บนซี่กลาง
จัดฟันแบบติดแน่นจำานวน 52 คน ผู้แปล: ทพ.ชาครีย์ ลี้อิศรามาศ
วิธีการศึกษาวิจัย: แบ่งผู้ป่วยเป็น 3 กลุ่ม ตามอายุ
และพัฒนาการของรากฟัน (1) กลุ่มชุดฟันผสม (เพศชาย 6 คน ความสัมพันธ์ระหว่างการจัดฟัน
และเพศหญิง 10 คน อายุระหว่าง 8 ถึง 10 ปี) จำานวนฟันตัดแท้ ด้วยเครื่องมือจัดฟันแบบใสกับ
บนซี่กลางทั้งหมด 32 ซี่ มีความยาวของรากฟันประมาณ การเกิดรอยกระดูกเปิดแยกและกระดูกโหว่
2 ใน 3 ของความยาวรากฟันที่สมบูรณ์ (2) กลุ่มชุดฟันแท้ ในผู้ป่วยที่มีปัญหาฟันซ้อนเกเล็กน้อย
ระยะแรก (เพศชาย 10 คน และเพศหญิง 10 คน อายุระหว่าง ถึงปานกลาง
12 ถึง 17 ปี) จำานวนฟันตัดแท้บนซี่กลางทั้งหมด 40 ซี่ Allahham DO, Kotsailidi EA, et al:
มีปลายรากฟันปิดแล้ว (3) กลุ่มผู้ใหญ่ (เพศชาย 6 คน และ Am J Orthod Dentofacial Orthop; 2023;163
เพศหญิง 10 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 32 ปี) จำานวนฟันตัดแท้ (January): 22-36.
บนซี่กลางทั้งหมด 32 ซี่ มีพัฒนาการของรากฟันสมบูรณ์แล้ว วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินการเกิดรอยกระดูกเปิดแยก
กลุ่มแรกให้การรักษาด้วยเครื่องมือติดแน่นแบบ 2x4 ส่วน (Bone dehiscences) และกระดูกโหว่ (Bone fenestrations)
2 กลุ่มหลังให้การรักษาโดยเครื่องมือติดแน่นทั้งปาก ทั้งนี้ ในผู้ป่วยจัดฟันที่รักษาด้วยเครื่องมือจัดฟันชนิดใสแบบไม่มี
จะประเมินความยาวรากฟัน และการเปลี่ยนแปลงของรากฟัน การถอนฟันร่วมด้วย
ด้วยภาพรังสี CBCT ทั้งก่อนและหลังการจัดฟัน และประเมิน ผู้เข้าร่วมการศึกษาวิจัย: ผู้ป่วยผู้ใหญ่ 29 คน
การเคลื่อนของฟันด้วยภาพรังสีกะโหลกศีรษะด้านข้างใน (เพศหญิง 21 คน และเพศชาย 8 คน) อายุเฉลี่ย 39.28 ปี
โปรแกรม Dolphin วิธีการศึกษาวิจัย: ผู้วิจัยประเมินฟัน 791 ซี่ และ
ผลการศึกษาวิจัย: ผลวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้น ตรวจพื้นผิวรากฟันมากกว่า 1,900 ด้าน ซึ่งมีระยะเวลา
พบว่า ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนของฟันกับความยาว การรักษาเฉลี่ยอยู่ที่ 18.62 เดือน โดยฟันจะถูกประเมินว่า
รากฟันที่เปลี่ยนแปลงไป ในกลุ่มชุดฟันผสมพบว่าฟันยังสามารถ เกิดความวิการของสันกระดูก (Alveolar bone defects)
พัฒนาเพิ่มความยาวรากฟันและปริมาณของเคลือบรากฟันต่อได้ ก็ต่อเมื่อระยะจากรอยเชื่อมต่อระหว่างเคลือบรากฟันและ
หลังการจัดฟัน โดยความยาวรากฟันเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.68 mm เคลือบฟัน (Cementoenamel junction) ไปยังสันกระดูก
และปริมาณของเคลือบรากฟันเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 51.79 ถึง 64.26 mm 3 เบ้าฟัน (Crestal bone) เกิดจากเปลี่ยนแปลงมากกว่า
เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำาคัญทางสถิติ แต่สำาหรับกลุ่ม 2.0 มิลลิเมตร และจะถูกประเมินว่าเกิดช่องโหว่ที่กระดูกเบ้าฟัน
ชุดฟันแท้ระยะแรกและกลุ่มผู้ใหญ่พบว่า ทั้งความยาวรากฟัน (Bone fenestrations) เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงมากกว่า
และปริมาณของเคลือบรากฟันลดลงหลังการจัดฟันอย่างมี 2.2 มิลลิเมตรเทียบกับก่อนการรักษา พื้นผิวรากฟันจะถูก