Page 89 - อัยการนิเทศ (หนังสือราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด) เล่มที่ 86 พ.ศ. 2564
P. 89
๑๕๖๑/๒๕๒๕, ๑๕๓๒/๒๕๔๓, ๙๘๗/๒๕๕๔, ๖๑๑๔/๒๕๖๐ เพราะหากศาลไม่อาจ
๘
ลงโทษจำเลยตามบทเฉพาะ ก็ย่อมลงโทษตามบททั่วไปได้ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๐๘๔ -
๒๐๘๕/๒๕๒๖, ๑๐๑๗๑ - ๑๐๑๘๒/๒๕๕๓) แต่ในคดีนี้ศาลฎีกากลับใช้ถ้อยคำที่แตกต่างไปว่า
๙
“การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเช่นนี้พระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ กำหนดโทษไว้โดยเฉพาะ
เป็นพิเศษแล้ว ดังนั้น กรณีจึงไม่เป็นเรื่องไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานตามความหมายของ
มาตรา ๓๖๘ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายอาญาอันเป็นบททั่วไป การกระทำของจำเลย
จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๘ วรรคหนึ่ง” กรณีจึงมีข้อที่น่าคิดว่า
ถ้าคดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๑๔๒ วรรคสอง, ๑๕๔ (๓) ซึ่งเป็นบทเฉพาะ แต่ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๘ วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบททั่วไป แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า
จำเลยกระทำความผิดทั้งบทเฉพาะและบททั่วไป กรณีเช่นนี้จะลงโทษจำเลยในความผิด
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๘ วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบททั่วไปตามที่ฟ้องได้หรือไม่
เพราะหากไม่สามารถลงโทษจำเลยได้ ก็อาจย้อนแย้งกับหลักเรื่อง “บทเฉพาะ” และ “บททั่วไป”
ดังที่ศาลฎีกาเคยวางแนวคำวินิจฉัยมาแล้วข้างต้น
อาคม เจตะผลิน
๘
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๑๕๙/๒๕๑๘ เมื่อการกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
๑๔๙ แต่ไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๑๔๘ เพราะจำเลยไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบโดยแกล้งขู่ว่าจะจับ ว. โดยไม่ได้กระทำ
ความผิด และเมื่อการกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ เป็นความผิดตามมาตรา ๑๔๙ ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว แม้โจทก์จะขอให้
ลงโทษตามมาตรา ๑๕๗ มาด้วย ก็ไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา ๑๕๗ ซึ่งเป็นบททั่วไปอีกบทหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกา ๑๕๖๑/๒๕๒๕ เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๙ ซึ่งเป็นบท
เฉพาะแล้ว แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา ๑๕๗ มาด้วย ก็ไม่จำต้องปรับบทด้วยมาตรา ๑๕๗ ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๓๒/๒๕๔๓ ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินสำหรับ
ตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๙ เมื่อปรับบท
ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๙ อันเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่จำต้องปรับบทลงโทษตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา ๑๕๗ อันเป็นบททั่วไปอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๙๘๗/๒๕๕๔ จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาท แต่เมื่อจำเลยที่ ๑ เป็นผู้
จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น กระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริต โดยจดทะเบียนโอน
ทรัพย์สินนั้นเป็นของตน เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้อื่น เป็นความผิดตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓ ประกอบด้วยมาตรา ๓๕๔ ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่จำต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา ๓๕๒ ซึ่ง
เป็นบททั่วไปอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๑๑๔/๒๕๖๐ เมื่อการกระทำของจำเลยที่ ๑ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗
และมาตรา ๑๕๑ ซึ่งเป็นบทเฉพาะของบททั่วไปตามมาตรา ๑๕๗ ย่อมไม่จำต้องปรับบทความผิดตามมาตรา ๑๕๗ ซึ่งเป็นบท
ทั่วไปอีก
๙
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๐๘๔ - ๒๐๘๕/๒๕๒๖ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๘, ๑๕๗
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔๙ และมาตรา ๑๕๗ แม้จะลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๔๙ ไม่ได้ เพราะ
ฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๔๙ ซึ่งเป็นบทเฉพาะมาด้วย ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๕๗ ซึ่งเป็นบททั่วไป
ได้ เพราะเป็นบทมาตราที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๐๑๗๑ - ๑๐๑๘๒/๒๕๕๓ แม้ศาลชั้นต้นจะฟังข้อเท็จจริงได้ตามทางพิจารณาว่า การกระทำของจำเลย
เป็นความผิดฐานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๔ แต่ก็ไม่สามารถลงโทษจำเลยได้ เนื่องจากโจทก์ไม่ได้ฟ้องของให้ลงโทษ
จำเลยตามมาตรา ๑๕๔ อันเป็นบทเฉพาะมาด้วย นอกจากนี้ความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ตามมาตรา ๑๕๗ ซึ่งเป็นบททั่วไป โจทก์ก็มิได้อ้างมาในฟ้อง ทั้งมิได้ยกขึ้นฎีกาจึงต้องถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคหนึ่งและวรรคสี่
อัยการนิเทศ เล่มที่ ๘๖ พ.ศ. ๒๕๖๔ 79