Page 264 - เอกสารคำสอนทวารวดี - ศรีวิชัย
P. 264

สรุปผลการขุดค้นที่แหล่งโบราณคดีในเขตต าบลธรรมศาลา
                                     หลักฐานที่ได้จากการขุดค้นแหล่งโบราณคดีในเขตต าบลธรรมศาลาซึ่งเป็น
                       ชุมชนโบราณทางฟากตะวันออกของเมืองนครปฐมโบราณ สามารถใช้เป็นตัวแทนข้อมูลในช่วง

                       พุทธศตวรรษที่ 12 – 16 ได้เป็นอย่างดี ข้อมูลจากการขุดค้นยังแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมการอยู่

                       อาศัยของแต่ละชุมชนในเขตเมืองนครปฐมโบราณไม่ได้เริ่มเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันเสมอไป
                       ทว่าแต่ละชุมชนคงมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในช่วงใกล้เคียงกัน และยังมีช่วงสิ้นสุดการประกอบ
                       กิจกรรมในระยะใกล้เคียงกันคือในราวพุทธศตวรรษที่ 16 โดยที่ไม่ปรากฏร่องรอยของการ

                       ประกอบกิจกรรมระยะหลังลงมาอีกเลย


                       6.2  ผลการขุดค้นทางโบราณคดีที่เมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

                              โบราณวัตถุส่วนใหญ่จากเมืองอู่ทองมักได้มาจากการส ารวจหรือราษฎรในพื้นที่ค้นพบ
                       หรือมีผู้น ามาบริจาคให้กับทางพิพิธภัณฑ์ จึงไม่อาจทราบบริบท (context) ดั้งเดิมของหลักฐาน

                       ซึ่งเป็นการยากในการก าหนดอายุสมัยให้แน่ชัด ดังนั้นจึงมีการขุดค้นแหล่งโบราณคดีบ้าน
                       เนินพลับพลาทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอู่ทองอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ พ.ศ. 2553 - 2558


                              6.2.1)  การขุดค้นที่เนินพลับพลาในปี 2553 และ 2556

                              การขุดค้นในปี 2553 ด าเนินการโดย สันติ์ ไทยานนท์ เพื่อจัดท าวิทยานิพนธ์ระดับ
                       ปริญญาโทเสนอต่อภาควิชาโบราณคดี โดยท าการขุดค้นบริเวณคันดินชั้นนอกด้านทิศตะวันตก

                       จ านวน 1 หลุมขุดค้น และบริเวณที่อยู่อาศัยภายในตัวเมืองทางทิศใต้ในเขตบ้านเนินพลับพลา
                       ต าบลท้าวอู่ทอง จ านวน 2 หลุมขุดค้น โดยมีรายละเอียดดังนี้ 2

                              เมื่อ พ.ศ. 2553 มีการปรับพื้นที่เพื่อขุดลอกคูน ้าคันดินชั้นนอกทางตะวันตกของเมือง
                       ได้พบโครงกระดูกมนุษย์ 6 โครงถูกฝังในท่านอนหงายเหยียดยาวเรียงกันหลายโครง สันติ์

                       ไทยานนท์ จึงท าการขุดค้นใกล้กับจุดดังกล่าวเป็นหลุมขนาด 2x2 เมตร พบชั้นทับถมที่มีความ
                       ลึกเกือบ 6 เมตร โดยมีร่องรอยการเข้ามาใช้พื้นที่บริเวณนี้ในระยะแรก ซึ่งอาจมีอายุเก่าไปถึง

                       ช่วงพุทธศตวรรษที่ 10 ชั้นต่อมาได้พบชิ้นส่วนเชิงภาชนะดินเผามีจารึกอักษรปัลลวะ อ่านได้ว่า
                       “จนฺทุ” (จัน-ทุ) ที่ก าหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 - 12

                              จนกระทั่งช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 - 15 จึงมีการขุดคูเมืองและก่อคันดินขึ้น ต่อมาได้มี
                       การลอกคูเมืองอีกครั้งในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15 - 16 ทั้งยังพบว่ามีการใช้คันดินเป็นสุสาน

                       เพราะขุดพบโครงกระดูกมนุษย์เพิ่มอีก 1 โครง ฝังในท่านอนหงายเหยียดยาวมีสิ่งของอุทิศเป็น
                       ใบหอกเหล็ก 1 ชิ้น (ภาพที่ 229) ซึ่งโครงกระดูกนี้อยู่ในระดับเดียวกันกับโครงกระดูก 6 โครงที่

                       พบจากการปรับพื้นที่ครั้งก่อน ดังนั้นคงมีการฝังศพเป็นแนวยาวเรียงต่อกัน ซึ่งผู้ขุดค้นคาดว่า
                       คงเป็นการตายที่มีจ านวนมากเพราะไม่พบร่องรอยของหลุม โดยกระดูกส่วนใหญ่เป็นของเด็ก







                                                               258
   259   260   261   262   263   264   265   266   267   268   269