Page 332 - เอกสารคำสอนทวารวดี - ศรีวิชัย
P. 332
8.5 หลักฐานทางพุทธศาสนาสมัยศรีวิชัยที่เมืองไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ภายหลังจากห้วงเวลาแห่งการก่อตัวของอาณาจักรศรีวิชัยในช่วงครึ่งแรกของ
พุทธศตวรรษที่ 13 รวมทั้งการด าเนินนโยบายทางเศรษฐกิจกับจีน, อาหรับ และอินเดีย
ผ่านความสัมพันธ์ทางการค้าหรือการทูต (ในระบบบรรณาการและมีการแต่งงานระหว่าง
ราชวงศ์ด้วย) หรือความสัมพันธ์ทางพุทธศาสนา ท าให้ศรีวิชัยเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรือง
และมั่งคั่งอย่างมากในน่านน ้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 – 15 ได้ปรากฏร่องรอยหลักฐานในภาคใต้ของประเทศ
ไทย (และภาคกลางดังได้กล่าวไปในบทที่ 5) ที่มีความเกี่ยวข้องกับศรีวิชัยด้วย โดยพบทั้ง
ฟากตะวันออกและฝั่งตะวันตกของคาบสมุทร มีชุมชนส าคัญๆ ในสมัยนี้ได้แก่ เมืองไชยาและ
แหลมโพธิ์ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี, แหล่งโบราณคดีทุ่งตึก จังหวัดพังงา และชุมชนในคาบสมุทร
สทิงพระ จังหวัดสงขลา
หลักฐานส าคัญที่สุดที่แสดงให้เห็นบทบาทของศรีวิชัยในภาคใต้คือ ศิลาจารึกหลักที่ 23
มีประวัติว่าพบที่วัดเสมาเมือง อ าเภอเมืองนครศรีธรรมราช จารึกหลักนี้มี 2 ด้าน ด้านแรกมี
ข้อความสมบูรณ์เป็นภาษาสันสกฤตมี 29 บรรทัด และระบุปีมหาศักราช 697 ตรงกับ พ.ศ.
1318 ส่วนด้านหลังเป็นภาษาสันสกฤตมีข้อความ 4 บรรทัดแต่ยังสลักไม่เสร็จ (ภาพที่ 293)
59
ข้อความในจารึกด้านแรกกล่าวสรรเสริญพระเจ้ากรุงศรีวิชัย (พระเจ้าธรรมเสตุ) ได้โปรด
ให้สร้างพุทธสถานอิฐ 3 หลัง อุทิศถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า, พระโพธิสัตว์ปัทมปาณี
(อวโลกิเตศวร) และพระโพธิสัตว์วัชรปาณี นอกจากนี้ยังมีสถูปอีก 3 องค์ซึ่งพระราชสถวิระ
นามว่า ชยันตะ เป็นผู้สร้างตามพระราชโองการของพระราชา และมีเจดีย์อีก 2 องค์ซึ่งอธิมุกติ
ศิษย์ของพระราชสถวิระเป็นผู้สร้าง ดังความตอนหนึ่งว่า
“พระเจ้ากรุงศรีวิชัยประกอบด้วยคุณความดีและเป็นเจ้าแห่งพระราชา
ทั้งหลายในโลกทั้งปวง ได้ทรงสร้างปราสาทอิฐทั้งสามนี้ เป็นที่บูชาพระโพธิสัตว์เจ้า
ผู้ถือดอกบัว (คือปทฺมปาณี) พระผู้ผจญพญามาร (คือพระพุทธองค์) และพระโพธิสัตว์
เจ้าผู้ถือวัชระ (คือวชฺรปาณี)
ปราสาททั้งสาม (เจดีย์) นี้เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงบนภูเขาอันเป็น
มลทินแห่งโลกทั้งปวง และเป็นที่บังเกิดความรุ่งเรืองแก่ไตรโลก พระองค์ได้ถวาย
60
ปราสาททั้งสามนี้แก่บรรดาพระชินราชอันประเสริฐสุดซึ่งสถิตอยู่ในทศทิศ...”
ส่วนข้อความในจารึกด้านหลังกล่าวสรรเสริฐพระราชาผู้ทรงมีพระนามว่า “ศรีมหาราช”
แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์ ดังความว่า “....ก าจัดความหยิ่งยโสของบรรดาศัตรู ทรงพระนามว่า
61
ศรีมหาราช เพื่อแสดงว่าพระองค์ทรงสืบลงมาแต่ราชวงศ์ไศเลนทร์ จากพระองค์นั้น....”
326