Page 106 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 106
ในเวลาใกล้เคียงกันนั้นก็มีการรวมประเทศจีนเป็นหนึ่งภายใต้
ราชวงศ์สุย (ปกครอง พ.ศ. 1132–1161) ในรัชกาลของจักรพรรดิองค์แรกคือ
สุยเหวินตี้ การค้าขายทางทะเลยังไม่เฟื่องฟูมากนัก จนกระทั่งจักรพรรดิ
สุยหยางตี้ขึ้นครองราชย์ เมื่อ พ.ศ. 1147 จึงได้มีการย้ายเมืองหลวงจาก
นครฉางอันไปยังนครลั่วหยางที่ตั้งอยู่ทางตะวันออก ใน พ.ศ. 1148 รวมถึง
มีการก่อสร้างเมืองหลวงทางใต้คือ นครหยางโจว (Yangzhou - มณฑล
เจียงซูในปัจจุบัน) ใกล้กับปากแม่น ้าแยงซี โดยมีการขุดคลองใหญ่เชื่อมต่อ
ระหว่างเมืองหางโจว (Hangzhou – มณฑลเจ้อเจียงในปัจจุบัน) กับนคร
144
ลั่วหยาง (ในลุ่มแม่น ้าฮวงโห) โดยผ่านมาทางนครหยางโจว
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้น ามาสู่ยุคที่เศรษฐกิจการค้าของจีน
145
รุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เพราะการสร้างเมืองหลวงใหม่ที่ลั่วหยางจ าเป็นต้อง
แสวงหาสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ มาประดับตกแต่งพระราชวัง อาทิเช่น นอแรด
งาช้าง หนังสัตว์ ขนสัตว์ ขนนก เป็นต้น จนกระทั่งมีการกว้านซื้อสินค้า
เหล่านี้จากพ่อค้าผู้ร ่ารวยที่เก็บสินค้าเอาไว้ในคลัง แต่นั่นก็ไม่เพียงพอต่อ
146
ความต้องการของราชส านักสุย
บทบาทของราชวงศ์สุยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหตุการณ์แรก
คือ มีรายงานใน พ.ศ. 1147 ว่าประเทศหลินอี้ (จามปา) ไม่ได้ส่งบรรณาการ
ไปจีนกว่า 10 ปีแล้ว จักรพรรดิสุยหยางตี้จึงมีพระราชโองการ (โดยหวังผล
ทางเศรษฐกิจ) ให้ Liu Fang น าทหารมากกว่า 100,000 คน พร้อมด้วย
นักโทษอาชญากรรมอีกหลายพันคนเดินทางไปปราบปรามจามปา กองทัพ
จีนลงเรือรบที่เมืองท่าฮานอย และสามารถก าราบจามปาได้ส าเร็จใน พ.ศ.
1148 ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดประตูโดยตรงไปสู่แหล่งทรัพยากรของป่าหรือ
147
สินค้าฟุ่มเฟือยที่จีนปรารถนา
95