Page 15 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 15
จนกระทั่งใน พ.ศ. 2507 นักวิชาการจึงสามารถยืนยันได้ถึง
การมีอยู่ของบ้านเมืองทวารวดีในดินแดนไทย เพราะมีการตีพิมพ์บทความ
เกี่ยวกับค าอ่านและค าแปลจารึกภาษาสันสกฤตบนเหรียญเงิน 2 เหรียญ
18
พบที่แหล่งโบราณคดีเนินหินภายในเมืองนครปฐม โดย ยอร์ช เซเดส์
เป็นผู้อ่านจารึกนี้ได้ ความว่า “ศฺรีทฺวารวตีศฺวรปุณฺย” แปลว่า “บุญกุศล
19
ของพระราชาแห่งศรีทวารวดี” หรือ “การท าบุญของเจ้าแห่งทวารวดี
20
ผู้รุ่งเรือง” ที่ส าคัญคือ ก าหนดอายุจากแบบอักษรปัลลวะของจารึกบน
21
เหรียญเงินนี้ก็อยู่ในช่วงราวพุทธศตวรรษที่ 12 คือตรงกับห้วงเวลาที่
พระถังซัมจั๋งบันทึกถึงโตโลโปตี
เหรียญเงินมีจารึกข้างต้นนี้พบใน พ.ศ. 2486 และอยู่ในความ
ครอบครองของนายเฉลิม ยงบุญเกิด ต่อมานายเฉลิมได้น ามาให้กับทาง
สยามสมาคม (Siam Society) เป็นผู้ศึกษาเหรียญเงินดังกล่าวบรรจุอยู่ใน
ภาชนะดินเผาร่วมกับเหรียญตราแบบอื่นๆ เช่นเหรียญเงินรูปสังข์ แต่เหรียญ
เงินที่มีจารึกมีเพียง 2 เหรียญ อีกด้านของเหรียญหนึ่งเป็นรูปสัตว์ที่น่าจะ
เป็นแม่วัว-ลูกวัว อีกเหรียญหนึ่งเป็นรูปหม้อน ้าปูรณฆฏะ (หม้อน ้าแห่ง
22
ความอุดมสมบูรณ์) ทั้ง 2 เหรียญ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร
ข้อมูลจากการแปลจารึกบนเหรียญเงินศรีทวารวดีฯ ข้างต้น
เคยน าไปสู่การตั้งข้อสันนิษฐานที่ว่า นครปฐมเคยเป็นเมืองหลวงกษัตริย์
23
แห่งทวารวดี แต่ต่อมาก็ได้มีการค้นพบเหรียญเงินมีจารึกลักษณะเดียวกัน
24
ตามเมืองโบราณร่วมสมัยอีกหลายแห่ง ได้แก่ อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
26
25
(ภาพที่ 1) บ้านคูเมือง จังหวัดสิงห์บุรี เมืองคูบัว จังหวัดราชบุรี (ภาพที่
27
2) เมืองดงคอนและเมืองอู่ตะเภา จังหวัดชัยนาท ทั้งยังได้พบหลักฐานทาง
โบราณคดีและงานศิลปกรรมเป็นจ านวนมากในประเทศไทยที่น่าจะมีอายุอยู่
ในสมัยทวารวดี ซึ่งท าให้เราทราบถึงลักษณะทางวัฒนธรรมในสมัยนั้นได้
28
มากพอสมควร
4