Page 154 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 154
นครแบกแดดตั้งอยู่บนฝั่งแม่น ้าไทกริส ใกล้กับเมืองเทซิฟอน เมืองหลวงเก่า
ของราชวงศ์สัสสานิยะฮ์ ซึ่งมีชัยภูมิที่ดีเพราะสามารถควบคุมเส้นทางการค้า
68
ทั้งทางบกและทางทะเลได้อย่างดี
นครแบกแดดมีความรุ่งโรจน์อย่างที่สุดในสมัยของเคาะลีฟะห์
ฮารูน อัล รอซีด (พ.ศ. 1329 – 1352) กลายเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งความ
69
มั่งคั่งของโลก เป็น “เมืองที่ไม่มีใครเทียบเสมอได้ตลอดทั่วทั้งโลก”
นครแบกแดดมีท่าเรือยาวหลายกิโลเมตรซึ่งมากพอที่จะให้เรือหลายร้อยล า
เข้าจอดขนถ่ายสินค้า มีแพนาวาพื้นบ้านที่ท าจากหนังแกะเป่าลม ตลาดมี
70
สินค้านานาชนิด เช่น เครื่องถ้วย ผ้าไหม และชะมดหอมจากจีน เครื่องเทศ
สินแร่ สีย้อมจากอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัตนชาติ (ทับทิม และ
ลาปิส ลาซูลี่) สิ่งทอและทาสจากเมืองของพวกเติร์กในเอเชียกลาง น ้าผึ้ง
ขี้ผึ้ง ขนสัตว์ และทาสผิวขาวจากสแกนดิเนเวียและรัสเซีย รวมทั้งงาช้าง
ผงทองค าและทาสผิวด ามาจากทางตะวันออกของแอฟริกา โดยพ่อค้าและ
ช่างฝีมือแต่ละประเภทจะมีร้านค้าของตนเองในตลาดเหมือนในปัจจุบัน
71
ที่น่าสนใจคือ สินค้าจากจีนจะมีตลาดค้าขายแยกออกไปเป็นสัดส่วนเฉพาะ
นอกจากนครแบกแดดที่เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าตอนใน
แผ่นดินแล้ว ราชวงศ์อับบาสิยะฮ์ยังมีเมืองท่าการค้าใกล้ชายฝั่งทะเลอีก
หลายแห่ง เช่น เมืองบัสเราะฮ์ เมืองอัล-อูบัลเลาะฮ์ เมืองซีรอฟ (Siraf)
ในประเทศอิหร่าน เมืองไคโรเก่า (Old Cairo หรือ al-Fustat) และเมืองอเล็ก
72
ซานเดรีย (Alexandria) ในประเทศอียิปต์ ดังนั้นน่านน ้าทะเลแดง (Red
Sea) อ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) และทะเลอาระเบีย (Arabian Sea) จึงอยู่
73
ภายใต้การควบคุมดูแลของจักรวรรดิอับบาสิยะฮ์ โดยในช่วงแรกๆ นั้น
พ่อค้าส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์ ชาวยิว และพวกโซโรอัสเตอร์ (เปอร์เซีย)
แต่ในไม่ช้าพ่อค้าและนักเดินเรือส่วนใหญ่ก็กลายเป็นชาวอาหรับมุสลิมที่พูด
ภาษาอารบิค แต่ก็มีบ้างที่เป็นชาวเปอร์เซียซึ่งเคยมีบทบาทในการค้าโพ้น
74
ทะเลมาแต่กาลก่อน
143