Page 155 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 155
บทบาทของชาวอาหรับที่มีต่อการค้าทางทะเลกับจีนนั้นเริ่ม
ปรากฏชัดเจนเมื่อเกิดเหตุที่ชาวอาหรับ (Ta-shih) และชาวเปอร์เซีย (Po-
sse) โจมตีและเผาเมืองกว่างโจว เมื่อ พ.ศ. 1301 ซึ่งพงศาวดารราชวงศ์ถัง
ได้บันทึกเหตุการณ์นี้เอาไว้ว่า “พวกเปอร์เซียและอาหรับร่วมมือกันเข้าโจมตี
75
กว่างโจว ปล้นคลังสินค้าและเผาอาคาร จากนั้นก็หนีจากไปทางเรือ” และ
นับเป็นปีสุดท้ายที่เอกสารจีนกล่าวถึงชาวเปอร์เซีย ทว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ
ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและอาหรับที่จะมีมากยิ่งขึ้นในเวลา
76
ต่อมา เห็นได้จากเมื่อเมืองท่ากว่างโจวเปิดกิจการค้าขายอีกครั้งใน พ.ศ.
1335 ก็มีพ่อค้าจากตะวันออกกลางชื่อ อัล-นะซาร อิบนุ มัยมูน (al-Nazar
77
ibn-Maymun) เดินไปทางจีน และใน พ.ศ. 1368 เรือรบขนาดใหญ่จาก
เมืองท่าบัสเราะฮ์ก็เข้าจับกุมกองเรือโจรสลัดในแถบประเทศบาห์เรนใน
78
ปัจจุบัน ซึ่งมักดักปล้นเรือสินค้าจากอิหร่าน อินเดีย และจีน
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า จักรวรรดิอับบาสิยะฮ์ของชาว
อาหรับมีบทบาทส าคัญในการค้าตามเส้นทางสายไหมทางทะเล โดยติดต่อ
ค้าขายกับจีนและอินเดีย โดยเฉพาะในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 ทั้งนี้บันทึก
ของชาวอาหรับเองหลายต่อหลายคนในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14–15 ก็ได้
กล่าวถึงเส้นทางการเดินเรือจากเมืองท่าของตนมายังประเทศอินเดียและจีน
79
ด้วย ซึ่งมีเนื้อหาใจความโดยสรุปดังนี้
เมืองท่าต้นทางในเขตอาหรับคือ เมืองบัสเราะฮ์และเมืองอัล-อูบัล
เลาะฮ์ในประเทศอิรักปัจจุบัน และเมืองซีรอฟในประเทศอิหร่านปัจจุบัน
โดยบัสเราะฮ์นั้นเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า แต่เรือสินค้ามักจอดเทียบท่าที่
เมืองอัล-อูบัลเลาะฮ์ ซึ่งตั้งอยู่ปากแม่น ้าไทกริส ก่อนขนถ่ายสินค้าไปยังเมือง
บัสเราะฮ์และส่งต่อไปยังนครแบกแดด อย่างไรก็ตาม การเดินเรือล าใหญ่เข้า
ไปยังเขตปากแม่น ้าไทกริสนั้นยากล าบากและเรือมักล่มลงบ่อยครั้ง เหตุนี้
80
เมืองท่าซีรอฟจึงรุ่งเรืองขึ้นและกลายเป็นเมืองท่าที่ส าคัญที่สุด
144