Page 64 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 64
ดวงอาทิตย์คล้ายกับที่พบที่เมืองอังกอร์ บอเร็ย (Angkor Borei) และแหล่ง
ฝังศพยุคเหล็กที่ภูมิสนาย (Phum Snay) ในประเทศกัมพูชา
ผู้เขียนมีความเห็นว่า การติดต่อกันระหว่างชุมชนข้างต้นน่าจะ
เป็นปัจจัยส าคัญที่ท าให้ชุมชนโบราณที่นครปฐมพัฒนาไปเป็นเมืองขนาด
ใหญ่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 และเป็นศูนย์กลางของรัฐทวารวดี ซึ่งปรากฏ
เรื่องราวอยู่ในเอกสารจีน จนกระทั่งในช่วงราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 จึงได้
เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของเมืองนครปฐมขึ้นอีกครั้ง เพราะพบ
หลักฐานทางโบราณคดีประเภท “สินค้าต่างถิ่น” ที่แสดงว่าชุมชนที่นครปฐม
มีการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนกับทั้งชุมชนภายใน (domestic trade) และ
ชุมชนภายนอกอย่างกว้างขวางคือเป็นการค้าระดับนานาชาติ (international
trade) แล้ว
ด้วยความที่เมืองนครปฐมตั้งอยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม ไม่มี
ทรัพยากรธรรมชาติใดๆ ดังนั้นการค้นพบเครื่องมือเครื่องใช้ประเภทหินและ
โลหะ จึงต้องเกิดขึ้นจากกิจกรรมการแลกเปลี่ยนกับชุมชนอื่นๆ ที่อยู่ภายใน
ขอบเขตของรัฐทวารวดีเอง อาทิเช่น น าโกลนหินจากแหล่งวัตถุดิบในจังหวัด
เพชรบุรีมาผลิตประติมากรรมรูปเคารพ หรือน าตะกั่วจากแหล่งวัตถุดิบใน
จังหวัดกาญจนบุรีมาผลิตเครื่องมือใช้สอย เป็นต้น
การค้าภายในนี้ด าเนินควบคู่ไปกับการค้าระหว่างประเทศ เพราะ
จากการขุดค้นได้พบลูกปัดแก้วสีเดียว และเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถัง
ผู้เขียนจึงเสนอว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้เมืองนครปฐมมีการติดต่อสัมพันธ์
และท าการค้าขายระหว่างดินแดนมากขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วง
พุทธศตวรรษที่ 14 คงเป็นผลมาจากการการปรากฏขึ้นของศรีวิชัยใน
เกาะสุมาตราและคาบสมุทรมลายู ซึ่งท าหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางใน
เส้นทางสายไหมทางทะเล ดังนั้นจึงพบสินค้าต่างถิ่นคือลูกปัดแก้วสีเดียวและ
เครื่องถ้วยจีนที่พบมากเป็นพิเศษในภาคใต้ของไทยตามเมืองสมัยทวารวดี
ในภาคกลางด้วย
53