Page 25 - อัยการนิเทศ (หนังสือราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด) เล่มที่ 86 พ.ศ. 2564
P. 25

ดำเนินคดีตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองปลิงได้สอบสวนรวบรวม
                พยานหลักฐาน สรุปสำนวนและมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาส่งสำนวนไปยังอัยการจังหวัดนครสวรรค์
                เพื่อพิจารณา อัยการจังหวัดนครสวรรค์ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคืนโดยให้เหตุผลว่า ความผิดฐาน
                รับของโจรนั้นเกิดที่ตำบลปากช่อง  อำเภอปากช่อง  จังหวัดนครราชสีมา  ผู้ต้องหามีที่อยู่ที่
                ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และถูกจับในเขตท้องที่ตำบลขนงพระ
                อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรณีมิใช่เป็นความผิดหลายท้องที่เกี่ยวข้องกันหรือต่อเนื่องกัน

                พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองปลิงจึงไม่มีอำนาจสอบสวนความผิดฐานรับของโจร และ
                พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองปลิงก็มิใช่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในการสอบสวน
                แต่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นพนักงานสอบสวน
                ผู้มีอำนาจสอบสวนและเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในการสอบสวนคดีนี้
                     คดีมีปัญหาให้อัยการสูงสุดชี้ขาดอำนาจสอบสวนของพนักงานสอบสวนต่างกองบัญชาการ
                และหากผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ความผิดที่เกิดในท้องที่แล้ว พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบยังคง
                สอบสวนความผิดที่กระทำต่อเนื่องกันในต่างท้องที่ต่อไปได้หรือไม่
                     อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีนี้ผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจ
                ภูธรหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่เกิดเหตุความผิด
                ฐานฉ้อโกงรถยนต์เก๋งของผู้เสียหาย เพื่อให้ดำเนินคดีกับนาย ก. และนาย ณ. และผู้ที่เกี่ยวข้อง
                พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองปลิงสอบสวนได้ความว่านาย ณ. ได้ขายรถยนต์คันดังกล่าว
                ให้กับนางสาว  ส.  ผู้ต้องหา  โดยส่งมอบรถยนต์ที่บ้านพักของผู้ต้องหาที่อำเภอปากช่อง
                จังหวัดนครราชสีมา พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองปลิงจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน
                เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในความผิดฐานรับของโจร และได้ขอให้ศาลจังหวัดนครสวรรค์ออกหมายจับ
                เพื่อนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าความผิดฐานฉ้อโกงกับความผิด
                ฐานรับของโจรเกิดขึ้นต่างท้องที่กันแต่เป็นทรัพย์สิ่งเดียวกัน โดยถูกฉ้อโกงจากท้องที่หนึ่งแล้วนำไป
                จำหน่ายให้แก่ผู้รับของโจรอีกท้องที่หนึ่ง โดยมีผู้กระทำความผิดหลายคน ทั้งที่เป็นตัวการในการ
                ฉ้อโกง ผู้สมรู้และผู้รับของโจร อันเป็นกรณีความผิดหลายฐานต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกัน

                ในท้องที่ต่าง ๆ เกินกว่าท้องที่หนึ่งขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙ (๓)
                ซึ่งก่อนที่จะจับผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ตามหมายจับ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองปลิงได้พบ
                การกระทำความผิดก่อน และดำเนินการสอบสวนตั้งแต่ยังจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ไม่ได้ ตามประมวล
                กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙ วรรคท้าย (ข) แม้ต่อมาจะจับผู้ต้องหาได้ภายในเขต
                พื้นที่สถานีตำรวจภูธรปากช่อง ก็หาทำให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองปลิงพ้นจากการ
                เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบไปไม่ แม้หลังจากจับกุมผู้ต้องหาได้ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์
                ไม่ประสงค์ดำเนินคดีกับนาย ก. และนาย ณ. ในความผิดฐานฉ้อโกง ก็มีผลเพียงทำให้สิทธิในการ
                นำคดีอาญามาฟ้องของนาย ก. และนาย ณ. ในความผิดฐานฉ้อโกงระงับไปเท่านั้น หาทำให้ความผิด
                ฐานฉ้อโกงและความผิดฐานรับของโจรในคดีนี้มิใช่ความผิดต่อเนื่องไม่ กรณีนี้การสอบสวนซึ่งอยู่ใน
                ความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานตำรวจต่างกองบัญชาการกัน จึงต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมาย
                วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑, ๒๑/๑ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑๕/๒๕๕๗
                ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ข้อ ๑ จึงชี้ขาดให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองปลิง
                จังหวัดนครสวรรค์ เป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนคดีนี้




                                                             อัยการนิเทศ เล่มที่ ๘๖ พ.ศ. ๒๕๖๔  1
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30