Page 69 - อัยการนิเทศ (หนังสือราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด) เล่มที่ 86 พ.ศ. 2564
P. 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๘๗๒/๒๕๖๓

                พ.ร.บ. การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. ๒๕๖๒ (มาตรา ๓, ๓๕)

                
    การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หมายความว่า การดำเนินการเพื่อให้คู่กรณีมีโอกาสเจรจาตกลงกัน

                ระงับข้อพิพาททางแพ่งและทางอาญาโดยสันติวิธีและปราศจากการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาท
                ทั้งนี้ไม่รวมถึงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่ดำเนินการในชั้นศาลและในชั้นบังคับคดี ดังนั้น การไกล่เกลี่ย
                ข้อพิพาทตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงไม่รวมถึง
                การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่ดำเนินการในชั้นศาล
                                       ______________________________

                
             พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด             โจทก์
                            {

                 ระหว่าง      นาง ก.                                         ผู้ร้อง


                
             นาง ป.                                         จำเลย

                

   โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๑ เวลากลางวัน จำเลยทำร้ายโดยใช้มือกระชากผม
                ตบศีรษะนาง ก. ผู้เสียหาย จนล้มลงศีรษะฟาดพื้น เป็นเหตุให้ผู้เสียหายมีแผลฟกช้ำบริเวณศีรษะ
                ด้านหลังและแผลถลอกบริเวณเข่าซ้ายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
                ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๑

                     จำเลยให้การปฏิเสธ
                     ระหว่างพิจารณา นาง ก. ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
                เป็นเงิน ๒๗,๘๑๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๑
                ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
                     จำเลยไม่ให้การในคดีส่วนแพ่ง

                

   ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๑
                จำคุก ๑ เดือน ให้จำเลยชำระเงิน ๑๗,๔๑๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่
                ๑๖ มกราคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
                     จำเลยอุทธรณ์
                     ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย ๕,๐๐๐ บาท อีกสถานหนึ่ง โทษจำคุก
                ให้รอการลงโทษไว้ ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ นับแต่วันที่อ่านคำพิพากษา

                ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐
                นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
                     จำเลยฎีกา
                     ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกา
                ของจำเลยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า ผู้เสียหายและจำเลยซึ่งเป็น




                                                             อัยการนิเทศ เล่มที่ ๘๖ พ.ศ. ๒๕๖๔  59
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74