Page 76 - อัยการนิเทศ (หนังสือราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด) เล่มที่ 86 พ.ศ. 2564
P. 76

๖o,๐๐๐ บาท ส่วนอีก ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยหักไว้เป็นดอกเบี้ย พยานมอบสำเนาทะเบียนรถ
          สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และกุญแจรถ พร้อมรึโมทคอนโทรลรถยนต์ให้จำเลยเก็บไว้

          จำเลยนำรถไปจอดเก็บไว้ที่ลานจอดตรงข้ามกับเต็นท์รถ และได้ขับรถแวนสีดำพาพยานไปส่งที่
          สถานีรถไฟฟ้า เพื่อเดินทางไปสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิตและเดินทางต่อไปศาลจังหวัดน่าน
          ประมาณเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ พยานนำเงิน ๑๔,๐๐๐ บาท ไปจ่ายเป็นดอกเบี้ยให้แก่จำเลย
          ประมาณเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ พยานไปติดต่อจำเลยเพื่อจะชำระหนี้และนำรถกลับคืน แต่จำเลย
          บอกว่ารถอยู่กับนาย ว. และนาง ล. ไม่ทราบนามสกุล พยานพยายามติดตามรถคืนเรื่อยมาแต่ไม่
          สามารถติดตามรถคืนได้จึงร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย เห็นว่า ผู้เสียหายที่ ๑ ยืนยันว่า ผู้เสียหายที่ ๑

          กู้ยืมเงินและรับมอบเงินจากจำเลย โดยมีรายละเอียดขั้นตอนการทำเอกสาร ส่งมอบรถพร้อมกุญแจ
          และรีโมทคอนโทรล ตลอดจนการระบุสถานที่ที่จำเลยนำรถไปเก็บและขับรถไปส่งผู้เสียหายที่ ๑
          ที่สถานีรถไฟฟ้า โดยจำเลยไม่ได้ถามค้านรายละเอียดส่วนนี้ไว้ให้เห็นเป็นอย่างอื่น ทั้งวันที่มีการกู้ยืมเงิน
          ก็สอดรับกับเหตุผลที่ผู้เสียหายที่ ๑ อ้าง คือ การเดินทางไปศาลจังหวัดน่านตามนัดเพื่อเจรจา
          กับผู้เสียหายที่  ๒  ในชั้นสอบสวนผู้เสียหายที่  ๑  ทราบแต่เพียงชื่อเล่นของจำเลย  แต่เมื่อ

          พนักงานสอบสวนนำภาพถ่ายของจำเลยในสำเนาข้อมูลทะเบียนราษฎร์ให้ดู ผู้เสียหายที่ ๑ ก็ยืนยันว่า
          เป็นภาพถ่ายของคนร้ายที่ผู้เสียหายที่ ๑ ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี เชื่อว่าผู้เสียหายที่ ๑ เบิกความ
          ตามความเป็นจริง พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักให้รับฟัง ส่วนจำเลยนำสืบต่อสู้ว่า เต็นท์รถ
          ที่จำเลยทำงานไม่สามารถรับจำนำรถได้ เพราะผู้เสียหายที่ ๑ ยังผ่อนชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ
          แต่ได้ช่วยแนะนำให้ผู้เสียหายที่ ๑ ไปติดต่อกับนาย ว. ซึ่งเคยทิ้งนามบัตรไว้กับจำเลย เห็นว่า
          เมื่อพิจารณาคำเบิกความตอบคำถามค้านของจำเลยที่อ้างว่าการติดต่อครั้งนี้นาย ว. ไม่ได้ให้ค่า

          ตอบแทนเพราะจำนวนเงินกู้น้อยหากเป็นเช่นที่จำเลยอ้างพฤติการณ์ย่อมแสดงให้เห็นว่า จำเลย
          และนาย ว. เคยติดต่อร่วมทำธุรกิจกันมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่จำเลยกลับไม่อ้างนาย ว. มาเป็นพยาน
          เบิกความสนับสนุนข้อต่อสู้ของจำเลย คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีน้ำหนัก
          หักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามพยานหลักฐานโจทก์ว่า จำเลยเป็นคนร้าย

          ที่กระทำความผิดตามฟ้อง สำหรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า จำนวนเงินที่จำเลยต้องใช้ราคารถ
          หากส่งมอบรถคืนให้ผู้เสียหายที่ ๒ ไม่ได้สูงเกินไป นั้น เห็นว่า เมื่อพิจารณาราคารถที่เช่าซื้อ
          ประกอบค่าเสื่อมราคารถในแต่ละปีแล้ว จำนวนเงินที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาเหมาะสมแล้ว ไม่อาจ
          นำจำนวนเงินตามคำพิพากษาตามยอมมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณราคารถใช้แทนตามที่จำเลย
          อ้างในอุทธรณ์ได้ เพราะเป็นจำนวนเงินที่ผู้เสียหายทั้งสองตกลงกันโดยพิจารณาจากการที่
          ผู้เสียหายที่ ๑ ผ่อนชำระมาบ้างแล้ว ไม่ใช่ราคารถที่แท้จริง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามา ศาลฎีกา

          เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
                พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

                                                            สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายสารสนเทศ
                                                                        สำนักงานวิชาการ





              66    คำพิพากษาศาลฎีกา
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81