Page 79 - อัยการนิเทศ (หนังสือราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด) เล่มที่ 86 พ.ศ. 2564
P. 79

อย่างไรก็ตาม คดีนี้จำเลยไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวผู้เสียหายโดยตรง แต่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่
                แอบบันทึกภาพเคลื่อนไหวอวัยวะภายในกระโปรงผู้เสียหายขณะถอดกางเกงในตอนอยู่ในห้องน้ำ
                ห้างสรรพสินค้า โดยคำพิพากษาศาลฎีกานี้ตัดสินตามแนวของคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๒๙๘๓/๒๕๕๘

                ซึ่งเป็นคำพิพากษาศาลฎีกาคดีแรกที่ตัดสินว่าการใช้กล้องแอบบันทึกภาพใต้กระโปรงของผู้เสียหาย
                เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารด้วย ผู้เขียนจึงขอยกย่อสั้นของคำพิพากษาศาลฎีกาปี ๒๕๕๘
                ดังกล่าวมาเป็นข้อมูลให้ผู้อ่านได้ใช้ในการศึกษา  ดังนี้
                                                      ๒, ๓
                     “การที่จำเลยแอบติดตั้งกล้องบันทึกภาพไว้ที่ใต้โต๊ะทำงานของโจทก์ร่วม และบันทึกภาพ
                สรีระร่างกายของโจทก์ร่วมตั้งแต่ช่วงลิ้นปี่จนถึงอวัยวะช่วงขา มองเห็นกระโปรงที่โจทก์ร่วมสวมใส่
                ขาท่อนล่างและขาท่อนบนของโจทก์ร่วม โดยที่กล้องบันทึกภาพมีแสงไฟสำหรับเพิ่มความสว่าง

                เพื่อให้มองเห็นภาพบริเวณใต้กระโปรงของโจทก์ร่วมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น การกระทำของจำเลยส่อแสดง
                ให้เห็นถึงความใคร่และกามารมณ์ โดยที่โจทก์ร่วมมิได้รู้เห็นหรือยินยอม  อันเป็นการกระทำ
                ที่ไม่สมควรในทางเพศต่อโจทก์ร่วม โดยโจทก์ร่วมตกอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แม้จำเลย
                จะมิได้สัมผัสต่อเนื้อตัวร่างกายของโจทก์ร่วมโดยตรง แต่การที่จำเลยใช้กล้องบันทึกภาพใต้กระโปรงโจทก์
                ร่วมในระยะใกล้ชิด โดยโจทก์ร่วมไม่รู้ตัวย่อมรับฟังได้ว่า จำเลยได้กระทำโดยประสงค์ต่อผลอันไม่สมควร

                                                        ๔
                ในทางเพศต่อโจทก์ร่วม โดยใช้กำลังประทุษร้าย  ตามมาตรา ๑ (๖) แห่งประมวลกฎหมายอาญา
                ซึ่งการใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นองค์ประกอบความผิดตาม  ป.อ. มาตรา ๒๗๘ นอกจาก
                หมายความว่า ทำการประทุษร้ายแก่กายแล้ว ยังหมายความว่าทำการประทุษร้ายแก่จิตใจด้วย
                ไม่ว่าจะทำด้วยใช้แรงกายภาพหรือด้วยวิธีอื่นใด และให้หมายความรวมถึงการกระทำใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุ
                ให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ การกระทำของจำเลยดังกล่าว ทำให้โจทก์
                ร่วมต้องรู้สึกสะเทือนใจอับอายขายหน้า จึงถือว่าเป็นการประทุษร้ายแก่จิตใจของโจทก์ร่วมแล้ว

                การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอนาจารโจทก์ร่วม ครบองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ.
                มาตรา ๒๗๘
                     ห้องตรวจคนไข้ที่เกิดเหตุ เป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาล น. อันเป็นสถานที่ราชการซึ่งเป็น
                สาธารณสถาน แม้ประชาชนที่ไปใช้บริการในห้องตรวจคนไข้ที่เกิดเหตุจะต้องได้รับอนุญาต

                และผ่านการคัดกรองจากพยาบาลหน้าห้องตรวจก่อน แต่ก็เป็นเพียงระเบียบขั้นตอนและวิธีปฏิบัติ
                ในการใช้บริการของโรงพยาบาลเท่านั้น หาทำให้ห้องตรวจคนไข้ดังกล่าวซึ่งเป็นสาธารณสถานที่
                ประชาชนมีความชอบธรรมจะเข้าไปได้ ต้องกลับกลายเป็นที่รโหฐานแต่อย่างใดไม่ ห้องตรวจคนไข้



                ๒  ดูรายละเอียดบทวิเคราะห์คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๒๙๘๓/๒๕๕๘ ซึ่งผู้เขียนเคยร่วมเขียนไว้ ได้ที่ อำนาจ เนตยสุภาและ
                 รวินท์ ชัยภิวัตรภักดี, ประเด็นข้อกฎหมายจากคำพิพากษาศาลฎีกา เรื่อง ความผิดฐานอนาจาร, บทบัณฑิตย์, เล่มที่ ๗๓, ตอน ๑,
                 มกราคม-มีนาคม ๒๕๖๐, หน้า ๒๐๗ - ๒๑๘. ซึ่งมีความเห็นทางวิชาการว่าการแอบบันทึกภาพใต้กระโปรงผู้เสียหายนั้น
                 ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานกระทำอนาจาร ตาม ป.อ. มาตรา ๒๗๘ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าศาลฎีกา
                 ของประเทศไทยได้วางแนวการวินิจฉัยเรื่องนี้ไว้แล้วตามที่เห็นในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๔๐๔/๒๕๖๓ และ ๑๒๙๘๓/๒๕๕๘ ข้างต้น
                ๓  อัยการนิเทศ เล่มที่ ๘๑ พ.ศ. ๒๕๕๙, หน้า ๖๗ - ๖๙
                ๔  ตามมาตรา ๑(๖) บัญญัติว่า “ใช้กำลังประทุษร้าย หมายความว่า ทำการประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของบุคคลไม่ว่าจะทำด้วย
                 ใช้แรงกายภาพหรือด้วยวิธีอื่นใด และให้หมายความรวมถึงการกระทำใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในภาวะ
                 ที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ไม่ว่าจะโดยใช้ยาทำให้มึนเมา สะกดจิต หรือใช้วิธีอื่นใดอันคล้ายคลึงกัน”


                                                             อัยการนิเทศ เล่มที่ ๘๖ พ.ศ. ๒๕๖๔  69
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84