Page 82 - อัยการนิเทศ (หนังสือราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด) เล่มที่ 86 พ.ศ. 2564
P. 82

จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
                ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
          มาตรา ๒๗๗ วรรคสี่ (เดิม), ๒๗๙ วรรคสอง (เดิม), ๒๘๓ ทวิ วรรคสอง, ๓๑๗ วรรคสาม

          ประกอบมาตรา ๘๓ การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม
          เป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานร่วมกันกระทำอนาจารแก่
          เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถ
          ขัดขืนได้ ฐานร่วมกันพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร และฐานร่วมกันกระทำชำเรา
          เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมีใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามอันมีลักษณะ
          เป็นการโทรมเด็กหญิง เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกัน
          กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
          อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา
          มาตรา ๙๐ จำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต ฐานร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจาก

          มารดาเพื่อการอนาจาร จำคุกคนละ  ๕  ปี  จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์
          แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา
          มาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๓ ฐานร่วมกันกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน
          โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง จำคุกคนละ ๒๕ ปี ฐานร่วมกัน
          พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากมารดาเพื่อการอนาจาร จำคุกคนละ ๒ ปี ๖ เดือน รวมจำคุก
          คนละ ๒๗ ปี ๖ เดือน
                จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

                ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน
                จำเลยทั้งสามฎีกา
                ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟัง
          เป็นยุติว่า เด็กหญิง ส. ผู้เสียหายที่ ๒ เป็นบุตรของนางสาว น. ผู้เสียหายที่ ๑ กับนาย ป. ขณะเกิดเหตุ
          ผู้เสียหายที่ ๒ อายุ ๑๓ ปีเศษ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ เวลาประมาณ ๒๐ นาฬิกา ผู้เสียหายที่ ๒
          ส่งข้อความทางโปรแกรมเฟซบุ๊กถึงนาย ว. ให้มารับผู้เสียหายที่ ๒ ไปดื่มสุรา ต่อมานาย ว. ขับรถ
          จักรยานยนต์มารับผู้เสียหายที่ ๒ พาไปที่โรงอาหารของโรงเรียน บ. เมื่อไปถึงพบจำเลยทั้งสามกับพวก
          รวม ๖ คน นาย ว. กับพวกชวนผู้เสียหายที่ ๒ นั่งเล่นที่โรงอาหารดังกล่าว จากนั้นนาย ว.
          พาผู้เสียหายที่ ๒ ไปที่ห้องน้ำของโรงเรียนแล้วร่วมประเวณีกับผู้เสียหายที่ ๒ โดยผู้เสียหายที่ ๒

          ยินยอม แล้วนาย ว. บอกผู้เสียหายที่ ๒ รออยู่ในห้องน้ำก่อน ระหว่างนั้นจำเลยทั้งสามกับพวกรวม
          ๖ คน เข้าไปในห้องน้ำทีละคนแล้วกระทำชำเราผู้เสียหายที่ ๒ ต่อมาผู้เสียหายที่ ๒ ออกจากห้องน้ำ
          พบนาย ช. ปลัดอำเภอบ้านกรวด นาย ช. ติดต่อทางโทรศัพท์ให้ผู้เสียหายที่ ๑ มารับผู้เสียหายที่ ๒
          จากนั้นนำจำเลยทั้งสามกับพวกซึ่งถูกจับกุมได้และผู้ปกครองมามอบตัวพร้อมพาผู้เสียหายทั้งสอง
          ไปสถานีตำรวจภูธรบ้านกรวด พนักงานสอบสวนส่งผู้เสียหายที่ ๒ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
          บ้านกรวด มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อแรกว่า การกระทำของจำเลยทั้งสาม
          มีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยทั้งสาม

          กับพวกนั่งอยู่กับผู้เสียหายที่ ๒ ที่โรงอาหารของโรงเรียน บ. ต่อมานาย ว. พวกของจำเลยทั้งสาม



              72    คำพิพากษาศาลฎีกา
   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87