Page 25 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 25
จากการค้นพบจารึกภาษามอญโบราณ (เป็นภาษาพื้นเมือง)
หลายหลักตามชุมชนและบ้านเมืองโบราณสมัยทวารวดี ทั้งในภาคกลางและ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ท าให้นักวิชาการในอดีตเสนอว่า ผู้คนพื้นเมือง
43
ทวารวดีส่วนใหญ่คงเป็นชาวมอญ หรืออย่างน้อยบริเวณที่ราบลุ่มแม่น ้า
44
เจ้าพระยาช่วงสมัยทวารวดีคงมีชาวมอญอาศัยอยู่แล้ว และกลุ่มชนที่ใช้
ภาษามอญโบราณก็คงเข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
45
ด้วย
“ทวารวดี” กับ “รามัณยะ” และการล่มสลาย ?
มีข้อสังเกตว่าในช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 15 ดินแดน
แถบทวารวดีแต่เดิมนี้อาจได้รับการขนานนามว่า “รามัณยะ” เพราะจารึก
ปราสาทบึงเวียนในประเทศกัมพูชา (พ.ศ. 1489) ระบุว่า พระเจ้าราเชนทร
วรมัน (ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 1487–1511) ทรงมีชัยชนะในการท า
สงครามเหนือจัมปา (ในเวียดนามปัจจุบัน) และ “รามัณยะ” เปรียบดั่ง
46
พระรามที่ทรงแผลงศรไปทางเบื้องขวาและเบื้องซ้าย
ดูเหมือนว่า ไฮแรม วูดวาร์ด (Hiram Woodward) จะเป็น
นักวิชาการเพียงไม่กี่ท่านที่ให้ความส าคัญกับข้อความในจารึกปราสาท
บึงเวียน ซึ่งที่นี่เป็นพุทธสถานแห่งแรกในศิลปะขอมที่สร้างขึ้น
เพื่อประดิษฐานพระรัตนตรัยมหายาน คือ พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์อวโล
กิเตศวร และนางปรัชญาปารมิตา โดยพระพุทธรูปที่พบ ณ ปราสาทบึงเวียน
นั้นเป็นพระพุทธรูปประทับยืน สูง 46 เซนติเมตร ซึ่งวูดวาร์ด กล่าวว่ามี
47
พุทธลักษณะบางประการคล้ายกับพระพุทธรูปในศิลปะทวารวดีตอนปลาย
ไฮแรม วูดวาร์ด ยังพบว่าบริเวณชายแดนภาคตะวันออกของ
ประเทศไทยยังปรากฏจารึกของพระเจ้าราเชนทรวรมันอย่างน้อย 2 หลัก
49
48
(K.957 และ K.999 ) ทั้งยังได้พบทับหลังศิลปะขอมที่ก าหนดอายุอยู่
ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 15 มาจากอ าเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
14