Page 94 - ทวารวดี ประตูสู่การค้าบนเส้นทางสายไหมทางทะเล
P. 94
จะเห็นได้ว่า เรือของพ่อค้าที่ล่องจากลังกามาเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ และเรือจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เดินทางไปยังจีน ต้องเผชิญ
กับลมมรสุม (หรือพายุ) ถึง 2 ครั้ง โดยการค้นพบวิถีของลมมรสุมที่
เอื้อประโยชน์ต่อการเดินเรือมายังอินเดียนี้มักอ้างว่าเป็นผลงานของพ่อค้า
81
นักเดินเรือชาวกรีกชื่อ ฮิปปาลุส (Hippalus) เมื่อ พ.ศ. 590 ส่วนทางโลก
ตะวันออกในบันทึกของราชทูตคังไถและจูยิงในช่วงพุทธศตวรรษที่ 8 ก็ได้
82
เอ่ยถึง “ลมตามฤดูกาล” (the seasonal wind) คือลมมรสุมแล้ว ภิกษุ
ฟาเหียนก็บันทึกไว้ในขณะที่เรือสินค้าแล่นจากเมืองตามรลิปติ (รัฐเบงกอล
ตะวันตกของอินเดีย) ไปเกาะลังกาว่า “ต่อจากนี้ฟาเหียนได้ลงเรือก าปั่นใหญ่
ของพาณิชล าหนึ่ง และได้ลอยล าไปบนพื้นทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้
เป็นเวลาเริ่มต้นแห่งฤดูหนาว กระแสลมช่วยพัดส่งให้ตามความประสงค์
83
ภายหลังจากเวลาที่ออกเรือแล่นใบมาได้ 14 วันกับ 1 คืนก็ถึงนครสิงหฬ”
การเดินเรือจากประเทศทางตะวันตกไปยังประเทศจีนทาง
ตะวันออก (หรือในทางกลับกัน) นั้นไม่สามารถแล่นไปได้โดยใช้เวลาเพียง 1
รอบของลมมรสุมของทุกปี โดยลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (southwest
monsoon) จะพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ขึ้นสู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กลางเดือนตุลาคม ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
(northeast monsoon) นั้นจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือลงมายังทิศ
ตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงกลางเดือนตุลาคม–กุมภาพันธ์ (อาจแปรผันได้บ้างใน
แต่ละปี)
ดังนั้นถ้าหากเรือสินค้าจากอินเดีย (หรือศรีลังกา) มาถึงเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงปลายของเดือนกันยายนต่อตุลาคม ก็อาจจ าต้อง
หยุดพักกว่า 6-7 เดือนเพื่อรอลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้น าเรือแล่นไปสู่จีน
ดังนั้นจึงอาจใช้เวลามากถึง 3 ปี ในการเดินเรือหนึ่งรอบ (ไปและกลับ) จาก
84
จีนหรืออินเดีย เหตุนี้เรือสินค้าจากอินเดียส่วนใหญ่ควรแล่นมายังช่องแคบ
มะละกาในช่วงระหว่างเดือนเมษายน-สิงหาคม เพื่อล่องต่อไปยังจีนใน
83