Page 62 - อัยการนิเทศ (หนังสือราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด) เล่มที่ 86 พ.ศ. 2564
P. 62
ผู้กระทำผิดต้องมีเจตนาสนับสนุนการกระทำความผิดนั้นด้วย คือต้องรู้ว่าผู้ที่ตนช่วยเหลือสนับสนุน
กำลังจะกระทำความผิด หากไม่รู้ย่อมไม่เป็นการสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด ๑
ในส่วนของการกระทำที่มีลักษณะเป็นการเปิดบัญชีธนาคารแล้วยอมให้ผู้กระทำความผิด
นำบัญชีธนาคารของตนไปใช้รับโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิดนั้น ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกา
พิพากษาลงโทษการกระทำในลักษณะนี้ว่าเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ในทุกคดีในลักษณะนี้ที่ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานผู้สนับสนุนนั้น ในทาง
นำสืบของโจทก์ล้วนปรากฏพยานหลักฐานตามสมควรว่าจำเลยน่าจะรู้ว่าผู้ที่ตนช่วยเหลือสนับสนุน
นั้นกำลังจะกระทำความผิดทั้งสิ้น พยานหลักฐานที่ศาลฎีกาได้เคยมีคำพิพากษาไว้ในความผิดฐาน
สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ได้แก่ กรณีผู้ค้ายาเสพติดให้จำเลย
ซึ่งเป็นเพื่อนกันเปิดบัญชีเงินฝากไว้ให้ และใช้บัญชีเงินฝากของจำเลยรับโอนเงินค่ายาเสพติด
จากลูกค้า และในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ค้ายาเสพติดมีการบันทึกหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่
ของจำเลยไว้ด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยรู้จักคุ้นเคยกับผู้ค้ายาเสพติด (ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่
๔๒๘๑/๒๕๖๒), กรณีจำเลยเป็นคนรักของผู้ค้ายาเสพติด และนั่งรถมากับผู้ค้ายาเสพติดเวลามาส่ง
เมทแอมเฟตามีนบ่อยครั้ง มีการโอนเงินค่าเมทแอมเฟตามีนเข้าบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชีของจำเลย
ในแต่ละวันมีการนำเงินเข้าฝากหลายจำนวนแล้วถอนเงินออกจากบัญชีโดยตลอด และจำเลย
มอบบัตรเอทีเอ็มให้ผู้ค้ายาเสพติดนำไปใช้เบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากดังกล่าว (ตามคำพิพากษา
ศาลฎีกาที่ ๗๙๔๗/๒๕๖๑), กรณีจำเลยเปิดบัญชีธนาคารโดยรู้เห็นยินยอมให้ผู้ค้ายาเสพติดนำสมุด
บัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มไปใช้เบิกถอนเงินออกไปจากบัญชีของจำเลยเป็นจำนวนมาก และ
ในขณะจับกุมผู้ค้ายาเสพติดพร้อมยาเสพติดของกลางพบจำเลยอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุกับผู้ค้า
ยาเสพติดด้วย (ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๓๖๗/๒๕๖๐) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ
แนวคำพิพากษาศาลฎีกาของการสนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ซึ่งมีอัตราโทษเพียงสองในสามนั้น แค่เพียงปรากฏพยานหลักฐานว่าจำเลยให้คนร้ายซึ่งเป็น
คนแปลกหน้ายืมบัญชีธนาคารหรือบัตรเอทีเอ็มของจำเลย แล้วคนร้ายใช้บัญชีธนาคารของจำเลย
รับโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ แล้วคนร้ายมอบค่าตอบแทนให้แก่จำเลย
เพียงเท่านี้ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานผู้สนับสนุนแล้ว (ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๖๓๐/๒๕๕๓)
อันจะเห็นได้ว่าแนวการพิจารณาพยานหลักฐานของความผิดฐานสนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา
และสนับสนุนตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๓๔ มีระดับมาตรฐานที่แตกต่างกันตามอัตราโทษของทั้งสองกฎหมายที่แตกต่างกัน ดังนั้น
กรณีจึงยังไม่แน่ชัดว่าคำพิพากษาศาลฎีกาที่หมายเหตุนี้จะมีผลเปลี่ยนแปลงแนวการพิจารณาพยาน
หลักฐานของความผิดฐานสนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญาด้วยหรือไม่
เอกกมล บำรุงพงศ์
๑
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๓๔๘/๒๕๒๕ จำเลยขับเรือรับผู้โดยสารไปยังที่เกิดเหตุโดยไม่ทราบว่าเป็นคนร้ายจะไปฆ่าผู้ตาย
หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยจำต้องขับเรือไปส่งคนร้ายด้วยความจำเป็น เพราะอยู่ภายใต้อำนาจของคนร้ายซึ่งจำเลยไม่สามารถหลีกเลี่ยง
หรือขัดขืนได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๗ (๑) เมื่อส่งคนร้ายแล้วก็ไปแจ้งความแก่ผู้ใหญ่บ้านทันทีดังนี้ จำเลยไม่ต้อง
รับโทษ
52 คำพิพากษาศาลฎีกา